เริ่มต้นเจริญสติปัฏฐาน

 
sikkha
วันที่  24 ต.ค. 2556
หมายเลข  23907
อ่าน  711

การเจริญสติปัฏฐานระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ย่อมมีการเริ่มตั้งต้นในแต่ละครั้ง เป็นไปได้ไหมว่าเมื่อตั้งใจเริ่มกำหนดเพื่อระลึกรู้ อาจมีโลภะเกิดขึ้นอยากรู้ และทำให้เป็นการปฏิบัติผิด (มิจฉาปฏิปทา) ไปได้ จะมีวิธีการกำหนดในใจอย่างถูกต้องอย่างไร ในตอนเริ่มเจริญสติแต่ละครั้งที่ไม่ให้กลายเป็นการปฏิบัติผิดไปได้


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 25 ต.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การเจริญสติปัฏฐาน ที่เป้นการเจริญอบรมปัญญาที่ถูกต้อง ไม่ใช่เรื่องการจะบังคับการจะทำอย่างไร แต่เป็นเรื่องความเข้าใจถูกในสภาพธรรมที่เกิดขึ้น โดยเข้าใจความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม ว่าไม่สามารถบังคับไม่ให้อกุศลเกิดก็ไม่ได้ เพราะ สะสมกิเลสมามาก เป็นธรรมของปุถุชน เมื่อมีเหตุปจจัยก็เกิด อกุศล เกิด การปฏฺิบัติที่ผิดได้เป็นธรรมดา พระอริยบุคคลในอดีต ก่อนจะเป็นพระอริยะ ท่านก็ปฏิบัติผิดมาก่อน เพราะท่านยังมีกิเลส เช่น ท่านพระพาหิยะ ก็ไปปฏิบัติข้อปฏิบัติที่ผิด จน พรหม ก็ต้องมาเตือน นี่แสดงถึงความเป็นธรรมดาของอกุศลที่จะต้องเกิดขึ้นเป็นไป ผู้ที่อบรมปัญญา ก็เช่นกัน มีเหตุปัจจัยให้เกิดความต้องการ เกิดโลภะ เกิดความจดจ้องได้เป็นธรรมดา แต่หนทางที่ถูก คือ ก็เข้าใจในสิ่งที่เกิดแล้ว ว่าขณะที่จดจ้องว่าเป็นเพียงธรรมไม่ใช่เรา อกุศลทีเกิดขึ้น การปฏิบัติที่ผิดก็เป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ก็จะเป็นการปฏฺบัติที่เบาสบายเพราะ เป็นการไม่ทำ แต่เข้าใจ และ รู้ถึงความเป็นอนัตตา สติไม่เกิดก็เป็นธรรมดา อกุศลเกิดก็เป็นธรรมดา หนทาง คือ การฟัง ศึกษาพระธรรมต่อไป ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 25 ต.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสััมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สิ่งสำคัญ คือ การมีโอกาสไดัฟังเรื่องของสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้ซึ่งมีจริงๆ แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเป็นธรรม การสะสมความเข้าใจตั้งแต่ต้นจะเป็นรากฐานสำคัญนำไปสู่การปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องได้ เพราะเรื่องของสติปัฏฐานนั้นเป็นปกติ ไม่ใช่เรื่องทำ แต่เป็นกิจหน้าที่ของธรรมฝ่ายดี มีสติและปัญญา เป็นต้น เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริง

สิ่งที่มีจริงในขณะนี้ นั่นเอง ที่จะเป็นที่ตั้งให้สติเกิดขึ้นระลึกตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ และปัญญารู้ตามความเป็นจริง (สติปัฏฐาน) เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย จริงๆ ไม่ใช่เรื่องหวัง ไม่ใช่เรื่องต้องการ ไม่ใช่เรื่องของความจดจ้อง ไม่ใช่เรื่องของการไปกระทำอะไรด้วยความเป็นตัวตน ด้วยความเห็นผิด และ ด้วยความไม่รู้ แต่เป็นเรื่องของการอบรมเจริญปัญญาไปตามลำดับ เรื่องเจริญสติปัฏฐาน เป็นเรื่องของปัญญาที่เข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง สติเกิดขึ้นระลึกและปัญญารู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมในขณะนี้ การเจริญสติปัฏฐานไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ว่าเป็นเรื่องที่จะต้องอาศัยการฟังในสิ่งที่มีจริงเนืองๆ บ่อยๆ พิจารณาเหตุผลแล้วก็เจริญเหตุให้สมควรแก่ผลด้วย การที่จะไม่ผิด ก็คือ ตั้งต้นที่การฟังพระธรรมให้เข้าใจ

ธรรม คือ สิ่งที่มีจริง มีจริงในขณะนี้ หนทางที่จะเป็นไปเพื่อการรู้ธรรมตามความเป็นจริง ก็มีจริง แต่ต้องเป็นหนทางแห่งปัญญา เพราะฉะนั้นก็ต้องกลับมาที่ฟังพระธรรมให้เข้าใจจริงๆ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ได้ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ แม้ว่าจะมีสภาพธรรมที่มีจริง ก็ไม่สามารถเข้าใจตามความเป็นจริงได้เลย ย่อมไม่มีเหตุที่จะให้สติปัฏฐานเกิดขึ้นได้เลย ครับ

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

ก่อนจะถึง...สติ-ปัฏฐาน

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 25 ต.ค. 2556

ขณะสติปัฏฐานเกิด ขณะนั้นผ่องใส ไม่เป็นอกุศล หลังจาก

สติปัฏฐานดับไปแล้ว อกุศลจิตเกิดต่อได้ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
j.jim
วันที่ 25 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
peem
วันที่ 27 ต.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pamali
วันที่ 29 ต.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ