พิธีสวดภาณยักษ์ใหญ่

 
yinwan
วันที่  23 ต.ค. 2556
หมายเลข  23898
อ่าน  2,905

ขอสอบถามว่าพิธีสวดภาณยักษ์ใหญ่ ช่วยเสริมมงคล และปัดเป่าทุกข์จริงหรือไม่ และในสมัยพุทธกาล มีพิธีกรรม นี้ไว้เพื่อการใด ขอบคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 23 ต.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

มงคล หมายถึงเหตุแห่งความเจริญ หรือ สิ่งที่จะทำให้ถึงซึ่งความเจริญ เมื่อจะกล่าวโดยสรุปแล้ว มงคลหมายถึง ความดีทุกอย่างทุกประการ นั่นเอง เพราะเหตุว่าสิ่งที่ไม่ดี จะนำมาซึ่งผลที่ดี ไม่ได้ ผลย่อมตรงกับเหตุ ถ้าเหตุไม่ดี ผลก็ต้องไม่ดี แต่ถ้าเหตุดี ผลก็ต้องดี ส่วนใหญ่ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ก็จะไม่ทราบเลยว่าอะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นผล แม้แต่ในขณะนี้เอง

ในพระไตรปิฎก และ ในสมัยพุทธกาล ไม่มีการสวดมนต์ สวดภาณยักษ์แบบสมัยนี้ แต่เป็น การสาธยาย คือ การกล่าวคำสอนที่ได้เรียน ได้ศึกษามา เพื่อประโยชน์ คือ การได้คิดพิจารณา พระธรรมที่ได้เล่าเรียนมาแล้ว อันเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศล และความเจริญขึ้นของปัญญา และ สละ ละคลายกิเลส ดังนั้น การสาธยายพระธรรมในสมัยพุทธกาล จึงไม่ใช่เรื่องได้ ได้ความสงบ ได้อานิสงส์ผลบุญ คือ ไม่ใช่เรื่องของการได้ ที่เกิดจากโลภะเป็นปัจจัยเลย แต่ การสาธยายธรรมเป็นเรื่องของการละ อกุศล คือ โลภะ ละอกุศล มีความไม่รู้ และ เพื่อความเจริญขึ้นของกุศลประการต่างๆ ครับ การสวดมนต์ จึงมีมาในยุคหลัง ที่ท่องคำสอนของพระพุทธเจ้าด้วยจุดประสงค์ที่ผิด เพราะเป็นไปเนื่องด้วยกิเลส มี อยากได้ผลบุญ เป็นต้น เพราะฉะนั้น ในสมัยพุทธกาล จึงไม่ใช่การสวดมนต์ แต่เป็นการสาธยายธรรมคือ ท่านเหล่านั้น ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เมื่อฟัง ศึกษาแล้ว ก็นำธรรมนั้น มานึกตรึก หรือ กล่าวเป็นเสียง เพื่อให้ทบทวนและพิจารณาถ้อยคำธรรมนั้นอีกครั้ง เพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา เป็นสำคัญ ครับ

การสาธยาย คือ การทบทวนสิ่งที่ได้ฟังให้มีความเข้าใจเพิ่มขึ้น ในครั้งพุทธกาล ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็สาธยาย แต่เพราะได้ฟังพระธรรมแล้ว ในครั้งนั้น กว่าจะได้ฟังพระธรรมนั้น ยากลำบาก เดินทางไปเข้าเฝ้าฟังพระธรรมจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไกลแสนไกล เพื่อที่จะได้ฟัง เมื่อฟังเสร็จแล้ว ก็เดินทางกลับ ระหว่างนั้นก็มีการระลึกถึงพระธรรมที่ได้ยินได้ฟัง เพื่อจะได้ไม่ลืม เวลาที่มีการระลึกถึงคำที่ได้ฟัง บ่อยๆ เนืองๆ แล้วไตร่ตรองด้วยความเข้าใจ นี้ คือ การสาธยาย ซึ่งไม่ใช่การพูดคำที่ไม่รู้จัก ครับ

พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรมเพื่อให้พุทธบริษัทได้เข้าใจสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง ที่จะสอนให้ไม่รู้นั้น ไม่ใช่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่ว่าจะเป็นพระสูตรใด ส่วนใดไม่ใช่สำหรับสวดหรือสำหรับท่อง แต่สำหรับศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบจริงๆ เพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามที่พระองค์ทรงแสดง

สวดแล้วหวัง ท่องแล้วหวัง เพื่อที่จะได้ผลตอบแทนที่ดี นั่นไม่ตรงแล้ว เพราะหวังเป็นโลภะ เป็นเหตุที่ไม่ดี ในเมื่อเป็นเหตุที่ไม่ดี ก็ไม่สามารถนำผลที่ดีมาให้ได้เลย นี่คือ ความเป็นผู้ตรง ซึ่งจะต้องมีความเข้าใจด้วยว่า ระหว่างการสวดโดยที่ไม่เข้าใจ กับการฟังพระธรรมแล้วก็เข้าใจ อย่างไหนจะเป็นประโยชน์กว่ากัน ดังนั้น สวดเพื่อได้ เป็นจิตที่เป็นอกุศล ก็ไม่สามารถที่จะให้ผล คือ เกิดสิ่งที่ดีป้องกันภัยได้เลย ครับ แต่ ความดีต่างๆ ที่ทำ ในชีวิตประจำวัน เป็นการป้องกันภัยที่แท้จริง คือ ภัยที่เป็นอกุศลที่เป็นภัยที่แท้จริง ครับ

เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ ครับ

การสวดภาณยักษ์ เป็นของศาสนาพุทธหรือเปล่าครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 23 ต.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ชาวพุทธจริงๆ คือผู้ที่ได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นผู้ที่มีความเข้าใจถูกในคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง จะไม่ไปทำอะไร ที่ผิดคลาดเคลื่อนจากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงอุบัติขึ้นในโลกเพื่อเกื้อกูลแก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง เมื่อทรงตรัสรู้แล้วทรงแสดงธรรมโปรดสัตว์โลกเพื่อให้สัตว์โลกได้เข้าใจธรรมตามความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใดก็ตาม ล้วนทรงเป็นผู้ทรงห่างไกลจากกิเลส ทรงตรัสรู้โดยชอบได้โดยพระองค์เอง พร้อมทั้งทรงเป็นผู้จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์โลก

พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นบุคคลที่เสมอกับบุคคลที่ไม่มีใครเสมอ นั่นก็คือ ทรงเสมอกันกับพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ การจะอธิบายให้เห็นว่าพระคุณของพระองค์มีมากมากเพียงใดนั้น ท่านแสดงไว้ว่า ในระยะเวลาหนึ่งกัปป์ ไม่ต้องพูดเรื่องอื่นเลย กล่าวสรรเสริญพระคุณของพระพุทธเจ้า เพียงอย่างเดียว หนึ่งกัปป์ดังกล่าวนั้นสิ้นไปก่อนแล้ว แต่พระคุณของพระองค์ ก็ยังกล่าวสรรเสริญไม่หมด

บุคคลผู้ที่เห็นประโยชน์ของพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง จึงมีการฟัง มีการศึกษา สะสมความเข้าใจไปตามลำดับ เมื่อศึกษาเข้าใจความจริงแล้ว ย่อมจะมีความซาบซึ้งมากขึ้นในพระคุณของพระพุทธองค์ ทั้งพระบริสุทธิคุณ พระปัญญาคุณ และพระมหากรุณาคุณ ตามปัญญาของตนเอง ผู้ที่ขาดการฟัง ขาดการศึกษา ไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ย่อมไม่สามารถที่จะเข้าใจถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าได้เลยแม้แต่นิดเดียว

ดังนั้น ผู้ที่เป็นชาวพุทธที่แท้จริง ต้องฟังพระธรรมและพิจารณาพระธรรมด้วย ยิ่งฟังพระธรรม ก็ยิ่งเห็นพระคุณของพระองค์ เพราะทรงแสดงธรรมที่เป็นสัจจธรรม เป็นธรรมที่มีจริง ซึ่งทำให้ผู้มีโอกาสฟัง มีโอกาสศึกษาสามารถเข้าใจตามความเป็นจริงได้ จากที่เคยเป็นผู้มากไปด้วยอกุศล มากไปด้วยความไม่รู้ ก็จะค่อยๆ เข้าใจขึ้น ค่อยๆ ละคลายความไม่รู้ไปตามลำดับ ครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 23 ต.ค. 2556

ถ้าสวดระลึกถึงพระคุณ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นกุศล กุศลเป็นที่ป้องกันภัย การสวดภาณยักษ์ไม่ได้ป้องกันภัย ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
yinwan
วันที่ 23 ต.ค. 2556

ขอบพระคุณครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nopwong
วันที่ 24 ต.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
orawan.c
วันที่ 25 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ