อุทยปัญหา ... วันเสาร์ที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๖

 
มศพ.
วันที่  6 ต.ค. 2556
หมายเลข  23785
อ่าน  1,538

 

 

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺสพุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิสงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ•••..... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย .....•••
... สนทนาธรรมที่ ...

มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)

 

พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ

วันเสาร์ที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๖ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ

อุทยปัญหา ที่ ๑๒

(ว่าด้วยเรื่องวิญญาณดับ)

จาก...


[เล่มที่ 47] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ หน้า ๙๔๖


(ภาพแสดงบรรยากาศการสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ วันอาสาฬหบูชา ๒๒ ก.ค. ๒๕๕๖)

 

...นำสนทนาโดย...

ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และ คณะวิทยากร

[เล่มที่ 47] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ - หน้าที่ ๙๔๖

อุทยปัญหาที่ ๑๓

(ว่าด้วยเรื่องวิญญาณดับ)

[๔๓๗] อุทยมาณพ ทูลถามปัญหาว่า

ข้าพระองค์ มีความต้องการด้วยปัญหา

จึงมาเฝ้าพระองค์ผู้เพ่งฌานผู้ปราศจากธุลี

ทรงนั่งโดยปกติ ทรงทำกิจเสร็จแล้ว ไม่มี-

อาสวะ ทรงถึงฝั่งแห่งธรรมทั้งปวง ขอ

พระองค์จงตรัสบอกอัญญาวิโมกข์ สำหรับ

ทำลายอวิชชาเถิด.

พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสพยากรณ์ว่า ดูกร อุทยะ

เรากล่าวธรรมเป็นเครื่องละความพอ

ใจในกาม และโทมนัสทั้งสองอย่าง เป็น

เครื่องบรรเทาความง่วงเหงา เป็นเครื่องห้าม

ความรำคาญ บริสุทธิ์ดี เพราะอุเบกขาและ

สติ มีความตรึกถึงธรรมแล่นไปในเบื้องหน้า

ว่าเป็นอัญญาวิโมกข์ สำหรับทำลายอวิชชา.

อุ. โลกมีธรรมอะไรประกอบไว้

ธรรมชาติอะไรเป็นเครื่องเที่ยวไป ของโลก

นั้น เพราะละธรรมอะไรได้เด็ดขาด ท่านจึง

กล่าวว่า นิพพาน.

พ. โลกมีความเพลิดเพลินประกอบ

ไว้ ความตรึกไปต่างๆ เป็นเครื่องเที่ยวไป

ของโลกนั้น เพราะละตัณหาได้เด็ดขาด

ท่านจึงกล่าวว่า นิพพาน.

อุ. เมื่อบุคคลมีสติอย่างไร เที่ยวไป

อยู่ วิญญาณจึงจะดับ ข้าพระองค์ทั้งหลาย

มาเฝ้าเพื่อทูลถามพระองค์ ข้าพระองค์

ทั้งหลาย ขอฟังพระดำรัสของพระองค์.

พ. เมื่อบุคคลไม่เพลิดเพลินเวทนา

ทั้งภายในและภายนอก มีสติอย่างนี้

เที่ยว ไปอยู่ วิญญาณจึงจะดับ.

จบอุทยมาณวกปัญหาที่ ๑๓

อรรถกถาอุทยสูตรที่ ๑๓

อุทยสูตร มีคำเริ่มต้นว่า ฌายี ผู้เพ่งฌาน ดังนี้.

ในบทเหล่านั้น บทว่า อญฺญา วิโมกฺขํ อัญญาวิโมกข์นี้ ได้แก่อุทยมาณพ

ทูลถามถึงวิโมกข์อันเพ่งถึงปุญญานุภาพ.

ลำดับนั้น เพราะอุทยมาณพเป็นผู้ได้ฌานที่สี่ ฉะนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้า

เมื่อจะทรงแสดงอัญญาวิโมกข์ คือ ธรรมเป็นเครื่องพ้นที่ควรรู้ทั่วถึง โดยประการ

ต่างๆ ด้วยอำนาจฌานที่อุทยมณพได้แล้ว จึงตรัสคาถาสองคาถา.

ในบทเหล่านั้น บทว่า ปหานํ กามจฺฉนฺทานํ ธรรมเป็นเครื่องละความ

พอใจในกาม พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เรากล่าวธรรมเป็นเครื่องละความ

พอใจในกาม ของผู้ยังปฐมฌานให้เกิดว่าเป็นอัญญาวิโมกข์. พึงประกอบ

บททั้งปวงอย่างนี้. บทว่า อุเปกฺขาสติสํ สุทฺธํ คือบริสุทธิ์ดีด้วยอุเบกขาและ

สติในฌานที่สี่. บทว่า ธมฺมตกฺกปุเรชวํ มีความตรึกถึงธรรมแล่นไปเบื้องหน้า

คือ ภิกษุตั้งอยู่ในจตุตถฌานวิโมกข์นั้น เห็นแจ้งซึ่งองค์ฌานแล้วย่อมกล่าว

ถึงอรหัตวิโมกข์ที่ตนบรรลุแล้ว. จริงอยู่ ความตรึกถึงธรรมมีสัมมาสังกัปปะ

อันสัมปยุตด้วยมรรคเป็นต้นของอรหัตวิโมกข์ ชื่อว่าเป็นธรรมแล่นไปเบื้องหน้า.

ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า ธมฺมตกฺกปุเรชวํ มีความตรึกถึงธรรม

แล่นไปเบื้องหน้า. บทว่า อวิชฺชาย ปเภทนํ สำหรับทำลายอวิชชา พระผู้มี

พระภาคเจ้าตรัสว่า เรากล่าวว่านั่นแลเป็นอัญญาวิโมกข์สำหรับทำลายอวิชชา

โดยนัยที่ใกล้เคียงกับเหตุ เพราะอาศัยนิพพานกล่าวคือการทำลายอวิชชาเกิดขึ้น.

อุทย-มาณพได้ฟังนิพพานที่พระผู้มีพระภาคตรัส ด้วยพระดำรัสอันเป็นการทำลาย

อวิชชาอย่างนี้แล้ว เมื่อจะทูลถามว่า ที่เรียกว่านิพพานนั้น เพราะละอะไรได้

จึงกล่าวคาถาว่า กึสุ สํโยชโน ดังนี้ เป็นต้น. ในบทเหล่านั้น บทว่า กึสุ

สํโยชโน คือโลกมีอะไรประกอบไว้. บทว่า กึสุ วิจารโณ คือ ธรรมอะไรเป็น

เครื่องเที่ยวไป. บทว่า กิสฺสสฺส วิปฺปหาเนน คือ เพราะละธรรมนั้น ธรรมนั้น

ชื่ออะไร. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อจะทรงพยากรณ์ความนั้นแก่อุทยมาณพ

นั้นจึงตรัสคาถาว่า นนฺทิสํโยชโน โลกมีความเพลิดเพลินประกอบไว้. ในบทเหล่า

นั้นบทว่า วิตกฺกสฺส ได้แก่ วิตกมีกามวิตกเป็นต้น.บัดนี้อุทยมาณพ เมื่อจะทูลถาม

ทางแห่งนิพพานนั้นจึงกล่าวคาถาว่า กถํ สตสฺส เมื่อบุคคลมีสติอย่างไร. ในบท

เหล่านั้น บทว่า วิญฺญาณํ ได้แก่ อภิสังขารวิญญาณ (วิญญาณที่เกิดพร้อมกับ

อภิสังขาร)

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อจะตรัสบอกทางแก่อุทยมาณพนั้น จึงตรัส

คาถาว่า อชฺฌตฺตญฺจ ภายใน. ในบทเหล่านั้น บทว่า เอวํ สตสฺสมีสติอย่างนี้

คือ มีสติสัมปชัญญะอย่างนี้. บทที่เหลือในบททั้งปวงชัดเจนดีแล้ว. พระผู้มีพระภาค

เจ้าทรงแสดงพระสูตรแม้นี้ ด้วยธรรมเป็นยอดคือพระอรหัตนั้นเอง ด้วย

ประการฉะนี้. อนึ่ง เมื่อจบเทศนาได้มีผู้บรรลุธรรมเช่นครั้งก่อนนั่นแล.

จบอรรถกถาอุทยสูตรที่ ๑๓.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 6 ต.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธํเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความโดยสรุป

อุทยปัญหาที่ ๑๓

(ว่าด้วยเรื่องวิญญาณดับ)

อุทยมาณพ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบทูลให้พระองค์ตรัสบอกถึง

อัญญาวิโมกข์ (ธรรมเป็นเครื่องพ้นที่ควรรู้ทั่วถึง) อันเป็นเครื่องทำลายอวิชชา

พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงรู้ถึงอัธยาศัยของอุทยมาณพว่าเป็นผู้ได้ฌาน ๔

พระองค์จึงทรงแสดงฌานเป็นบาทของวิปัสสนาจนเป็นเหตุได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม

ถึงความเป็นอรหันต์ ซึ่งเป็นอัญญาวิโมกข์, อัญญาวิโมกข์ (อรหัตตวิโมกข์) เป็น

เครื่องทำลายอวิชชา

ต่อจากนั้น อุทยมาณพ ได้กราบทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้า และพระองค์ได้ตรัส

ตอบ เป็นลำดับ ดังนี้

- โลก มีอะไรประกอบไว้? มีความเพลิดเพลินประกอบไว้

-อะไรเป็นเครื่องเที่ยวไปของโลก? ความตรึกไปต่างๆ เป็นเครื่องเที่ยวไปของโลก

-เพราะละอะไรได้เด็ดขาดจึงกล่าวว่า นิพพาน? เพราะละตัณหาได้เด็ดขาด

จึงกล่าวว่า นิพพาน

-เมื่อบุคคลมีสติอย่างไร เที่ยวไปอยู่ วิญญาณจึงจะดับ? เมื่อไม่เพลิดเพลินในเวทนา

ทั้งภายในและภายนอก มีสติสัมปชัญญะ เที่ยวไปอยู่ วิญญาณ (ที่เกิดพร้อม

กับอภิสังขาร) จึงดับ

ในเวลาจบพระธรรมเทศนา อุทยมาณพ ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ พร้อมกับ

อันเตวาสิก ๑,๐๐๐ ส่วนชนอีกหลายพันได้เกิดดวงตาเห็นธรรม.

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

โมหะ โมหเจตสิก ความเห็นผิด ความไม่รู้ อวิชชา

เมื่อโลกไม่เพลิดเพลินเวทนาภายในและภายนอก

แก่นแท้ของพุทธศาสนา

ช่วยอธิบายคำว่า พิจารณาองค์ฌาณ ด้วยครับ

อาศัยพระศาสดา

กามวิตก พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก [สังคีติสูตร]

ตราบใดที่ยังมีตัณหา

ดวงตาเห็นธรรม

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 9 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Jans
วันที่ 10 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เมตตา
วันที่ 12 ต.ค. 2556

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
สิริพรรณ
วันที่ 9 ก.ย. 2560

กราบขอบพระคุณและอนุโมทนายิ่งค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ