จำเป็นไหมที่ควรจะรักษาอุโบสถ เพื่อขัดเกลากิเลส

 
Guest
วันที่  18 พ.ย. 2549
หมายเลข  2368
อ่าน  3,886

คนในปัจจุบันนี้ จำเป็นไหมที่ควรจะรักษาอุโบสถ เพื่อขัดเกลากิเลส มีพระสูตรที่กล่าวถึงการรักษาอุโบสถ

[เล่มที่ 38] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้าที่ 150

สักกสูตร

ว่าด้วยพระผู้มีพระภาคเจ้า

(ข้อความบางตอน จาก สักกสูตร)

ทรงเตือนอุบาสกชาวสักกะให้รักษาอุโบสถเป็นนิตย์

[๔๖] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ นิโครธาราม ใกล้กรุง กบิลพัสดุ์ สักกชนบท ครั้งนั้นแล อุบาสกชาวสักกชนบทเป็นอันมาก ได้เข้า ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับในวันอุโบสถ ถวาย อภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสถามอุบาสก ชาวสักกชนบทว่า ดูก่อนอุบาสกชาวสักกชนบททั้งหลาย ท่านทั้งหลายย่อม รักษาอุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ แล หรือ อุบาสกชาวสักกชนบทเหล่านั้น กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บางคราวข้าพระองค์ทั้งหลายย่อมรักษา อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ บางคราวไม่ได้รักษา พระพุทธเจ้าข้า. พ. ดูก่อนอุบาสกชาวสักกะทั้งหลาย ไม่เป็นลาภของท่านทั้งหลาย เสียแล้ว ท่านทั้งหลายไม่ได้ดีเสียแล้ว ที่ท่านทั้งหลายเมื่อชีวิตมีภัยเพราะ ความโศก มีภัยเพราะความตายอยู่อย่างนี้

บางคราวก็รักษาอุโบสถอัน ประกอบด้วยองค์ ๘ บางคราวก็ไม่ได้รักษา แน่นอนศีลดับกิเลสไม่ได้ แต่ก็เป็นเบื้องต้นของพรหมจรรย์ และเป็นการขัดเกลากิเลสด้วยพร้อมๆ กับอบรมสติปัฏฐานในชีวิตประจำวันด้วยครับ ดังนั้น คนในปัจจุบันนี้จำเป็นไหมที่ควรจะรักษาอุโบสถเพื่อขัดเกลากิเลส


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 19 พ.ย. 2549

กุศลทุกประการ พระพุทธองค์ทรงแสดงว่า ควรเจริญ การเจริญกุศลมีหลายระดับเป็นไปตามอัธยาศัย แม้ขั้นทาน ก็มีหลายระดับ แม้ศีลก็มีหลายระดับ แม้ภาวนาก็มีหลายระดับ ฉะนั้น ศีลที่รักษาตามสมควรแก่เพศ ย่อมเป็นไปตามอัธยาศัย คือ ขั้นสูงสุดเป็นพระภิกษุรักษาศีล ๒๒๗ และศีลนอกพระปาฏิโมกข์ และสมาทานศีลที่ยิ่งขึ้นไปคือ ธุดงควัตร ทั้ง ๑๓ ข้อ เป็นต้น ย่อมเป็นสิ่งที่ดี ควรกระทำ แต่เมื่อเป็นพระภิกษุรักษาธุดงค์ เป็นต้นนั้น เป็นไปตามอัธยาศัยจริงๆ ไม่อึดอัดลำบากใจไม่ฝืนใจ ไม่ทำด้วยความทุกข์ทรมาน มีความสุขกับ การอยู่แบบนั้น อย่างนี้เป็นอัธยาศัยจริงๆ สรุปคือ เรื่องการขัดเกลากิเลส ไม่มีจำกัดยุคสมัย กาลเวลา แต่ควรมีความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องนั้น และเป็นไปตามอัธยาศัยที่แท้จริง ไม่หลอกตัวเองและผู้อื่น หรือมีความโลภในบุญ เป็นต้น

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
devout
วันที่ 19 พ.ย. 2549

ไม่ใช่เรื่องของความจำเป็น แต่เป็นฉันทะ คือความพอใจของบุคคลนั้น บุญคือ สภาพจิตที่ดีงาม แต่ความอยากได้อานิสงฆ์ของบุญเป็นกิเลส คือโลภะ การรักษา ศีลน้อยข้อ เช่น ศีล ๕ ด้วยจิตที่ผ่องใส ย่อมเป็นบุญเป็นกุศลมากกว่าการรักษาศีล มากข้อ เช่น ศีลอุโบสถด้วยจิตที่เศร้าหมอง ต้องรู้จักตัวเองตามความเป็นจริงนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
shumporn.t
วันที่ 21 พ.ย. 2549

การเข้าใจหนทางการอบรมเจริญสติ เป็นสิ่งที่สำคัญ ถ้าไม่เข้าใจการเจริญสติปัฏฐาน แม้การรักษาศีลก็ไม่หมดความเป็นเรา การฟังธรรมเพื่อให้เกิดปัญญาความเห็นถูก เมื่อฟังหรือศึกษาจนเกิดความเข้าใจ จะทำให้เข้าใจสภาพธรรมะที่ปรากฏในขณะนี้ จะเป็นศีลข้อไหนก็คงไม่พ้นสภาพธรรมะที่ปรากฏในขณะนี้ เมื่อมีความเห็นถูกในสภาพธรรมที่ปรากฏ ในขณะนี้ก็คงไม่ต้องห่วงเรื่องทาน เรื่องศีลหรือภาวนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wirat.k
วันที่ 24 พ.ย. 2549
อนุโมทนา
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
อิสระ
วันที่ 7 ธ.ค. 2549
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เจริญในธรรม
วันที่ 6 มี.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
bauloy
วันที่ 18 ธ.ค. 2551

ขออนุโมทนาครับ....

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
suwit02
วันที่ 18 ก.พ. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
เซจาน้อย
วันที่ 16 ม.ค. 2554
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
prumvuthyv
วันที่ 4 มิ.ย. 2556

sathu

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 15 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ