พระไตรปิฏกมีการสังคายนาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง

 
ดวงทิพย์
วันที่  19 ก.ค. 2556
หมายเลข  23212
อ่าน  1,061

ได้สนทนากับเพื่อนว่ามาเรียนพระไตรปิฎกกัน...เพื่อนบอกว่าอย่าลืมนะมีการ

สังคายนาหลายครั้งปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง...เคยเล่นเกมส์บอกต่อไหม...

ศึกษาแล้วจบไหมหรือศึกษาแล้วอยากรู้ไปหน้าเรื่อย...ได้ตอบไปว่าเธอเคยศึกษา

แล้วหรือ ถ้ายังจะรู้ได้อย่างไรว่าจะเป็นอย่างที่กลัวหรือเปล่า สำหรับตัวเองไม่รู้สึก

เลยว่าจะทำให้อยากรู้ไปหน้าเรื่อย ตรงกันข้ามได้เข้าใจสิ่งที่ทรงแสดงอย่างละเอียด

และได้รู้จักพระองค์มากขึ้น ลึกซึ้งขึ้นตามความเข้าใจพระธรรมยิ่งขึ้นตามลำดับ

ทำให้ขัดเกลากิเลสอย่างแยบคายไม่ประมาท ทำให้เคารพพระองค์มากขึ้น เห็นใน

พระมหากรุณาคุณ พระบริสุทธิคุณ พระปัญญาคุณ...

คำถามนะคะ

๑.จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ที่ไม่ศึกษาพระไตรปิฏกส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้ยินจากท่าน

เดียวกันที่เพื่อนท่านนี้ก็ได้ยินมาเพราะเหตุใด อะไรที่ทำให้ตนเองไม่สนใจคำกล่าว

นั้นอีกตราบใดที่ยังไม่ได้ฟังพระธรรม แล้วทำไมเราไม่สามารถที่จะทำให้เพื่อนตาม

มาได้คะ

๒.มีเพื่อนอีกท่านหนึ่งพอใจที่ชีวิตคลายจากทุกข์ เจ็ดปีที่สับสนในชีวิต อ่านหนังสือ

ธรรมะก็ไม่ช่วยจนมาพบหลวงปู่...หลวงพ่อ..สอนให้เจริญสติ ให้ทำความรู้สึกตัวตื่น

ตัวตื่นใจจนพี่เค้ารู้ว่าที่ทุกข์เพราะคิดพอชวนให้มาศึกษาอย่างละเอียด ก็ส่ายหน้า..

บอกว่าพอใจแค่นี้ เคารพพระพุทธเจ้าเหมือนชาวบ้านทั่วไป ไม่ต้องการเรียน

พระไตรปิฏกและเคารพหลวงปู่หลวงพ่อมากที่สอนให้เจริญสติ....เราจะทำอย่างไร

ดีคะ จะกล่าวอย่างไรดี

กราบขอบพระคุณคะสำหรับคำตอบ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 21 ก.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

๑.จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ที่ไม่ศึกษาพระไตรปิฏกส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้ยินจากท่าน

เดียวกันที่เพื่อนท่านนี้ก็ได้ยินมา เพราะเหตุใด อะไรที่ทำให้ตนเองไม่สนใจคำกล่าว

นั้นอีกตราบใดที่ยังไม่ได้ฟังพระธรรม แล้วทำไมเราไม่สามารถที่จะทำให้เพื่อน

ตามมาได้คะ

- หากพิจารณาในความเป็นจริงของสภาพธรรม ก็เป็นการเกิดขึ้น ของ จิต

เจตสิกที่เกิดขึ้นเป็นไป ซึ่งไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน ซึ่ง จิต เจตสิก ทำหน้าที่สะสม

ซึ่งก็สะสมมาแตกต่างกันไป สะสมความเห็นถูกก็มี สะสมความเห็นผิดมาก็มี

ผู้ที่สะสมความเห็นถูก แม้ก่อนหน้านี้จะไปในทางผิดบ้าง ตามอำนาจของกิเลส

แต่เมื่อได้ฟังพระธรรมที่ถูกต้อง ก็คล้อย ตามไปกับ ทางที่ถูกต้องอีกได้ เพราะ

ความเห็นถูกที่สะสมมา ตักเตือน ชักนำ นำพาไปสู่หนทางที่ถูก ดั่งเช่น ท่าน

พระสารีบุตร และ ท่านพระมหาโมคคัลลานะ ก่อนจะบรรลุธรรมก็แสวงหาธรรม

ทางหลุดพ้น ได้ไปสำนักของอาจารย์สัญชัยที่เข้าใจธรรมที่ผิด สุดท้าย เมื่อ

ท่านได้ฟังพระธรรมจากท่านพระอัสสชิ ก็เปลี่ยนไปสู่ควาเห็นถูก เพราะได้สะสม

ความเห็นถูกมาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่ถูกต้อง ใจก็คล้อยตามไป กับความเห็นถูกนั้น

ทั้งชวนอาจารย์สัญชัย ให้มาด้วย แต่ ก็ไม่ยอมมา และ ตัวท่านพระสารีบุตร ท่าน

พระมหาโมคคัลลานะ ก็ไม่กลับไปสู่ความเห็นผิด เพราะ ความเห็นถูกเกิดมีกำลัง

มากแล้ว จนได้เป็นพระอริยบุคคล ที่จะไม่กลับมาสู่ความเห็นผิดอีกแน่นอน เพรา

ดับความเห็นผิดหมดสิ้นแล้ว ครับ

ส่วนผู้ที่สะสมความเห็นผิดมา ไม่ได้สะสมความเห็นถูก ใจก็ย่อมน้อมไปในหนทาง

ที่ไม่ถูกต้อง แม้จะได้ฟังสิ่งที่ถูก ก็ไม่สนใจ ไม่เชื่อในหนทางที่ถูก เพราะ ธรรมย่อม

เป็นไปตามการสะสม ครับ เรา ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลง บังคับสภาพธรรมที่

สะสมมา และ เกิดขึ้นแล้วของผู้ที่ไม่ได้สะสมความเห็นถูก และ สะสมความเห็นผิด

มาได้ทั้งหมด หากแต่ว่า สามารถที่จะแนะนำได้บ้าง แต่ ถ้าไม่เชื่อ ไม่สนใจ ก็แสดง

ถึงการสะสมมาที่ไม่เหมือนกัน ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกันได้ ครับ นี่คือ ความเป็น

ธรรมดาของสภาพธรรม

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

๒.มีเพื่อนอีกท่านหนึ่งพอใจที่ชีวิตคลายจากทุกข์ เจ็ดปีที่สับสนในชีวิต อ่านหนังสือ

ธรรมะก็ไม่ช่วย จนมาพบหลวงปู่...หลวงพ่อ..สอนให้เจริญสติ ให้ทำความรู้สึกตัว

ตึ่นตัวตึ่นใจ จนพี่เค้ารู้ว่าที่ทุกข์เพราะคิด พอชวนให้มาศึกษาอย่างละเอียดก็ส่าย

หน้า..บอกว่าพอใจแค่นี้ เคารพพระพุทธเจ้าเหมือนชาวบ้านทั่วไป ไม่ต้องการเรียน

พระไตรปิฏกและเคารพหลวงปู่หลวงพ่อมากที่สอนให้เจริญสติ....เราจะทำอย่างไร

ดีคะจะกล่าวอย่างไรดี

- พระธรรม ความเห็นถูก ไม่สาธารณะกับทุกคน เพราะ เป็นไปตามการสะสม

ของแต่ละคน เราไม่สามารถจะเปลี่ยนใจของบุคคลที่สะสมความเข้าใจเช่นนั้นได้

ทันที ก็ควรที่จะแนะนำ ค่อยๆ พูดทีละน้อย แทรกในการสนทนาเรื่องทั่วๆ ไป ให้

ได้ฟังบ้าง โดยไม่ได้หวังว่า เขาจะเปลี่ยนมาทันที แต่เป็นการให้เหตุปัจจัยใหม่ คือ

ให้ได้ยิน ได้ฟังในสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อเราไม่หวัง เราก็ไม่เครียด ที่จะพยายามให้เขา

มาเปลี่ยนมาแนวทางนี้ ให้รู้ว่าเป็นแต่เพียงธรรม ตามการสะสมมาของแต่ละจิต หาก

ว่า เขาสนใจ สะสมมา สักวันหนึ่ง ก็จะสนใจเอง อาจจะไม่ใช่ชาตินี้ก็ได้ ส่วนหาก

เขาไม่สะสมมา ก็ไม่สนใจ ก็ไม่เป็นไร ถือได้ว่า ได้ทำหน้าที่ของเพื่อนแล้ว ที่จะ

แนะนำในบางครั้ง สมควรกับกาลเวลา โอกาส ครับ

ที่สำคัญ ประโยชน์ที่สูงสุดที่ทุกคน ลืมไปในชีวิตประจำวัน คือ ประโยชน์ตน ที่

เป็นใจของตนเอง ที่จะเป็นกุศล หรือ อกุศล คิดถูก หรือ คิดผิด เพราะฉะนั้น ควร

รักษาใจด้วยความเข้าใจ และ ไม่ลืมว่า สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน ต่างจิต

ต่างใจ ควรทำตนเอง เป็นที่พึ่งให้ดีที่สุดก่อน คือ ฟังพระธรรม อบรมปัญญาใน

หนทางที่ถูกต้องเป็นสำคัญ ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
thilda
วันที่ 21 ก.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nopwong
วันที่ 23 ก.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 23 ก.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยครับ

-ธรรมไม่ได้สาธารณะกับทุกคน บุคคลผู้ที่ได้สะสมเหตุที่ดี เห็นประโยชน์ของพระธรรมมาแล้ว จึงมีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาพิจารณาไตร่ตรองจนเป็นความเข้าใจถูกเห็นถูกของตนเอง ตรงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง และที่ไม่มีความเห็นที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ตามคำแนะนำของคนอื่นที่ไม่ได้ศึกษาพระธรรม ก็เพราะว่าเริ่มมีความเข้าใจถูกเห็นถูก สามารถแยกแยะได้ว่า

ความเห็นใดถูก ความเห็นใดผิด และที่สำคัญ ก็ยิ่งจะต้องมีความอดทน มีความเพียร

มีความจริงใจ ที่จะฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกต่อไป

เพราะเหตุว่าพระธรรม ยาก ละเอียดลึกซึ้ง จะขาดการฟัง การศึกษาไม่ได้เลยทีเดียว

และจะต้องสะสมเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ครับ

-สัตว์โลกสะสมมาแตกต่างกัน ส่วนใหญ่มีทุกข์ ก็อยากจะพ้นจากทุกข์ด้วย

วิธีง่ายๆ พอทำให้ตนเองสบายใจขึ้น โดยที่หารู้ไม่ว่า นั่นไม่ใช่หนทางที่จะทำ

ให้เข้าใจความจริง มีแต่จะเพิ่มความไม่รู้และความเห็นผิดให้เพิ่มมากขึ้น สำคัญ

ผิดว่าสิ่งที่ตนเองทำ นั้นถูกต้อง ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ตามความเป็นจริงแล้ว จะมีสักกี่คนที่สนใจใคร่ที่จะฟังความจริงที่เป็นวาจาสัจจะแสดงให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเพียงได้ยินคำว่า ธรรม ก็สนใจที่จะฟังที่จะศึกษาแล้ว คนที่คิดได้อย่างนี้น้อยมาก ตามการสะสมจริงๆ แม้ในสมัยพุทธกาล เมื่อครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรง

พระชนม์อยู่ ผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ได้ฟังความจริงนั้นก็มีน้อยมาก คงไม่ต้องกล่าวถึง

ยุคนี้สมัยนี้ เพราะฉะนั้นแล้ว แต่ละคนเป็นแต่ละหนึ่งเมื่อเราแนะนำในสิ่งที่ดีให้แล้ว

เขาไม่รับ ก็เป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่ความผิดของเรา ครับ และ ควรอย่างยิ่งที่

ตนเองจะมีความมั่นคงในการฟังพระธรรม ให้เข้าใจยิ่งขึ้นต่อไป ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ดวงทิพย์
วันที่ 23 ก.ค. 2556

กราบขอบพระคุณสำหรับคำตอบค่ะ

อ่านแล้วน้ำตาซึมในรสพระธรรมอย่างหนึ่ง

และหวาดเสียวจริงๆ สำหรับความเห็นผิดที่ใช้คำว่า...เป็นการสะสม...

เพราะมีแต่จะยิ่งพอกพูนหนาไปๆ ...นี้อีกอย่างหนึ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
orawan.c
วันที่ 31 ส.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ