เผาไหม้ด้วยโทสะ

 
one_someone
วันที่  4 ก.ค. 2556
หมายเลข  23123
อ่าน  2,383

โทสะ ไม่สามารถทำร้าย จิตอื่นใดได้

โทสะ ไม่สามารถเผาไหม้ จิตอื่นใดได้

โทสะ เผาไหม้ ทำร้าย ได้เพียงจิตตน


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 4 ก.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตร่วมสนทนา ครับ

โทสะเป็นสภาพธรรมที่มีจริงที่เป็นเจตสิกธรรม อันเป็นอกุศลเจตสิก เป็นสภาพธรรมที่ขุ่นใจ ไม่สบาย ไม่พอใจ เกิดร่วมกับความรู้สึกไม่สบายใจ ที่เป็นโทมนัสเวทนา ซึ่ง โทสะ เป็นสภาพธรรมที่เผาใจ เพราะ ทำให้จิตกระสับกระส่าย เผาใจให้หมดไปจากความดี เผาใจให้เร่าร้อนด้วยสภาพธรรมที่เป็นโทสะ และ โทษที่เสมอด้วยโทสะ ไม่มี สมดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ หน้า ๓๖๐

นตฺถิ ราคสโน อคฺคิ นตฺถิ โทสสโม กลินตฺถิ ขนฺธาทิสา ทุกฺขา นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ

"ไฟเสมอด้วยราคะ ย่อมไม่มีโทษเสมอด้วยโทสะ ย่อมไม่มีทุกข์ทั้งหลายเสมอด้วยขันธ์ ย่อมไม่มีสุขอื่นจากความสงบ ย่อมไม่มี" ซึ่ง อธิบาย โทษที่เสมอด้วยโทสะ ไม่มี ความว่า โทสะเมื่อเกิดขึ้น ย่อมฆ่าบิดา มารดาก็ได้ ฆ่าพระอรหันต์ ย่อมเสวยทุกข์เพราะบาปนั้นโทษที่เสมอด้วยโทสะจึงไม่มี และ ตามที่สหายธรรม ยกข้อความว่า

โทสะ ไม่สามารถทำร้าย จิตอื่นใดได้

โทสะ ไม่สามารถเผาไหม้ จิตอื่นใดได้

โทสะ เผาไหม้ ทำร้าย ได้เพียงจิตตน

แสดงให้เห็นว่า โทสะของใครเมื่อเกิดขึ้น ก็เกิดที่จิตนั้น ไม่สามารถเกิดกับจิตอื่นได้ เรียกได้ว่า อกุศลของใครก็ของคนนั้น และ โทสะเมื่อเกิดขึ้นย่อมมีโทษ มีโทษกับใคร มีโทษกับจิตที่เกิดร่วมด้วย ที่เป็นจิตไม่ดี ถูกเผาด้วยกิเลส คือ โทสะ เพราะฉะนั้น โทสะเกิดขึ้นกับจิตใคร บุคคลใด ก็มีโทษกับบุคคลนั้นเอง ไม่ได้มีโทษกับผู้อื่น โทสะของคนนั้น ไม่สามารถจะทำร้ายจิตผู้อื่นได้ แต่ ทำร้ายจิตของตนเอง

สมดังคำกล่าวที่ว่า เมื่อเขาโกรธเรา ย่อมทำให้คุณ คือ ศีล คุณธรรมของเราเสื่อมไปหรือไม่ ดังนั้น โทษก็ย่อมมีแต่ผู้โกรธ ผู้เกิดโทสะเอง ย่อมไม่มีผลกับคุณความดีของผู้อื่น ครับ

กิเลส ทั้งหลาย มีโทสะ เป็นต้น ก็เป็นสภาพธรรมที่เผาผลาญ จิตใจในขณะนั้นให้ตกไปจากคุณความดี เผาคุณความดีให้หายไป แต่ เมื่อได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม ก็ได้อบรมเจริญธรรมที่เป็นเครื่องเผาผลาญกิเลส คือ ปัญญา ความเพียรที่เป็นเครื่องเผาผลาญกิเลส ที่มีปัญญาเกิดร่วมด้วย เมื่อปัญญาเจริญขึ้น ก็ค่อยๆ เผาผลาญ อกุศล ความไม่รู้ ความเห็นผิด ค่อยๆ ละไปทีละน้อย โดยเข้าใจว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ไม่ใช่เราที่โกรธ ไม่ใช่เราที่ถูกโกรธ ไม่ใช่เราที่ติดข้อง แต่เป็นเพียงธรรม การเข้าใจเช่นนี้ ย่อมชื่อว่า เจริญหนทางการ การเผาผลาญกิเลสอันเป็นหนทางการดับทุกข์ และ กิเลสจนหมดสิ้น ด้วยการเผาผลาญด้วยปัญญาจากการศึกษาพระธรรม

ปัญญา ที่เป็นสภาพธรรมที่เผาผลาญกิเลส ก็เป็นปัญญาเฉพาะตน ปัญญาเกิดขึ้นกับจิตใด ก็เผาผลาญกิเลส ในจิตนั้น ที่ไม่ให้เกิดขึ้น ปัญญาของใคร ก็ของคนนั้นไม่สามารถจะเอาปัญญาของตน ไปเผาผลาญกิเลสคนอื่นได้ เพราะฉะนั้น อกุศล โทสะ ก็เผาผลาญทำร้ายใจของตนเอง ไม่ใช่ใจของคนอื่น ฉันใด ปัญญาที่เป็นสภาพธรรมที่ดี เป็นความเห็นถูก ก็เผาผลาญกิเลสของจิตของผู้นั้นเองที่เกิด ไม่สามารถเผาผลาญกิเลสของคนอื่นได้ฉันนั้น เพราะฉะนั้น จึงสามารถกล่าวได้ว่า สภาพธรรมแต่ละหนึ่งที่เกิดขึ้น ที่เป็นจิต เจตสิก ก็เป็นของเฉพาะตน ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
one_someone
วันที่ 4 ก.ค. 2556

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
daris
วันที่ 4 ก.ค. 2556

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 4 ก.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กล่าวถึงสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน คือ โทสะ โทสะหรือความโกรธ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง สามารถที่จะเกิดได้กับทุกบุคคลตราบใดที่ยังไม่ได้ดับโทสะได้อย่างเด็ดขาดถึงความเป็นพระอนาคามีบุคคล เมื่อได้เหตุได้ปัจจัย โทสะก็เกิดได้ ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น

โทสะ เป็นข้าศึกภายในที่ประทุษร้ายทันทีที่เกิดขึ้น ตามความเป็นจริงแล้ว เราไม่ได้ถูกใครประทุษร้ายเบียดเบียนเลย นอกจากโทสะซึ่งเป็นสภาพที่ประทุษร้าย ซึ่งเป็นกิเลสของเราเอง สำหรับโทสะที่ว่าเป็นข้าศึกภายในที่ประทุษร้ายทันทีที่เกิดขึ้น ซึ่งก็มีหลายระดับตั้งแต่เพียงขุ่นเคืองใจเล็กน้อย จนกระทั่งมีกำลังกล้าถึงขั้นประทุษร้ายเบียดเบียนผู้อื่นด้วยกาย หรือ ด้วยวาจ เป็นความเกิดขึ้นเป็นไปของอกุศลธรรม ไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย มีแต่โทษโดยส่วนเดียวเท่านั้น และไม่ได้หมายเอาเฉพาะโทสะเท่านั้นที่มีโทษ ต้องหมายรวมถึงอกุศลธรรมทุกประเภทด้วย ที่มีแต่โทษโดยส่วนเดียว ไม่นำมาซึ่งคุณประโยชน์ใดๆ เลย

ไม่มีอะไรที่สามารถที่จะกั้นข้าศึกนี้ได้เลย ถ้าจะพิจารณาแล้วข้าศึกภายนอกยังมีป้อมปราการเป็นเครื่องกั้น มีประตูหน้าต่างเป็นเครื่องกั้น แต่ว่าโทสะซึ่งเป็นข้าศึกภายในเกิดขึ้นเมื่อใดประทุษร้ายทันที หนีไม่ทัน เพราะเหตุว่าไม่มีเครื่องกั้นเลย เมื่อเป็นเช่นนี้ สำหรับบุคคลผู้มีปัญญา ท่านเห็นโทษของโทสะ ท่านเข้าใจว่าโทสะเป็นอกุศลธรรมที่พึงละ ไม่ควรพอใจ ไม่ควรยินดีที่จะโกรธต่อไป เพราะเหตุว่าความโกรธแม้เพียงเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เมื่อสะสมมากขึ้นก็อาจจะถึงขั้นผูกโกรธ พยาบาท เกลียดชัง แค้นเคือง ที่จะเป็นเหตุให้เกิดการประทุษร้ายเบียดเบียนผู้อื่นทั้งทางกาย หรือทางวาจาในภายหน้า ได้ ซึ่งไม่เป็นผลดีทั้งแก่ตนและผู้อื่นเลย

ดังนั้น ธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นเครื่องเตือนที่ดี แม้อกุศลพระองค์ก็ทรงแสดงเพื่อให้เห็นอกุศลตามความเป็นจริง พร้อมทั้งทรงแสดงโทษไว้ด้วย เตือนให้ไม่หลงผิดไปในทางที่ไม่ดี แต่ให้ตั้งมั่นอยู่ในกุศลธรรมทั้งหลาย จึงควรอย่างยิ่งที่จะศึกษาและน้อมประพฤติปฏิบัติตามด้วยความจริงใจ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 4 ก.ค. 2556

โทสะมีโทษ เมื่อเกิดขึ้น ย่อมไม่เห็นธรรม ฆ่าบิดา มารดาก็ได้และทำให้ไปอบายภูมิ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
thilda
วันที่ 20 ก.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 20 ก.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ