ยังไม่ค่อยเข้าใจ

 
tookta
วันที่  17 ก.พ. 2556
หมายเลข  22502
อ่าน  1,005

เราได้อ่านการสนทนาธรรม และ ก็ฟังธรรมมาระยะหนึ่งแล้ว แต่เราก็มีความรู้สึกว่าเรายังไม่ค่อยจะแตกฉานสักเท่าไร วันนี้อ่านแล้วสงสับ คำว่า สุตะ กับ จาคะ คืออะไรหรือคะ (ก็ยอมรับนะว่าพยายามที่จะทำความเข้าใจนะ แต่ก็ยังไม่เข้าใจเลย)


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 17 ก.พ. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมเป็นเรื่องยาก แต่ไม่เหลือวิสัย แต่ต้องอาศัยความอดทน ค่อยๆ ฟัง สะสมความเข้าใจไปทีละน้อย ครับ ซึ่งผู้ถามได้ถามว่า สุตะและจาคะ คืออะไร

สุตะ หมายถึง การสั่งสมการฟัง แต่ต้องหมายถึง การฟังให้เข้าใจชื่อว่าสุตะ ส่วนจาคะหมายถึงการสละ ซึ่งจาคะ ก็อาจเคยได้ยินคำว่าบริจาค ก็มีคำว่าจาคะต่อท้าย หมายถึงการสละ แต่ถ้าเป็นจาคะในทางธรรม ไม่ใช่เพียงการให้สิ่งของ แต่การสละสิ่งที่ไม่ดี คือ สละกิเลส สละความตระหนี่ จึงมีการให้ เป็นต้น จาคะจึงเป็นการสละสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่เป็นกิเลสออกจากจิตใจ ทั้งสละความไม่รู้และสละความติดข้อง สละความโกรธ ขณะใดที่กุศลจิตเกิด ก็สละกิเลส สละสิ่งที่ไม่ดี เป็นจาคะในขณะนั้น ครับ และขณะที่ฟังพระธรรมเข้าใจ แม้เพียงเล้กน้อย แต่ก็เข้าใจ ขณะนั้นสละกิเลส คือ ความไม่รู้ เป็นจาคะ ในขณะนั้น ประเสริฐกว่าจาคะการสละวัตถุให้ เช่น ให้สิ่งของกับบุคคลต่างๆ ครับ

จาคะยังมีความหมายลึกซึ้งลงไปอีก ครับ จาคะโดยความหมาย คือ การสละ แต่ไม่ใช่เพียงสละวัตถุสิ่งของให้ผู้อื่น ไม่ใช่เพียง สละกิเลส สิ่งที่ไม่ดี แต่ยังหมายถึง การสละขันธ์ คือ สภาพธรรมที่ประชุมรวมกัน ที่สมมติว่าเป็นเรา อย่างเช่น การที่มีคุณตุ๊กตา ก็ทำให้มีความทุกข์ต่างๆ ทั้งทุกข์กาย ทุกข์ใจ แต่หากไม่มีคุณตุ๊กตาเลย ไม่มีการเกิดเลย ก็ไม่ต้องมีการทุกข์กายอีก เพราะไม่มีการเกิดขึ้นของกายและจิต ไม่ต้องทุกข์ใจอีก เพราะไม่มีการเกิดขึ้นของจิต จาคะที่สูงสุดและประเสริฐสูงสุดจึงเป็นจาคะที่เป็นการสละซึ่งสภาพธรรมทั้งปวง ที่เรียกว่า จาคะที่เป็นไปในการสละซึ่งขันธ์ ซึ่งจาคะโดยนัยนี้ จะต้องอบรมปัญญา จนถึงการดับกิเลส และ เมื่อพระอรหันต์หรือพระุพุทธเจ้าสิ้นอายุ ก็จะไม่มีการเกิดขึ้นของขันธ์ ไม่มีการเกิดขึ้นเป็นบุคคลใด เป็นจาคะที่สละซึ่งขันธ์ สภาพธรรมทั้งปวง อันเป็นสุขอย่างยิ่ง เพราะไม่ต้องมีทุกข์อีกต่อไป ครับ

ซึ่งทั้งสุตะ การฟัง การสั่งสมการฟังให้เข้าใจ เป็นสิ่งที่ดี เป็นทรัพย์อันประเสริฐ และ จาคะก็เป็นสิ่งที่ดี เป็นทรัพย์อันประเสริฐ ทั้งสุตะและจาคะจึงเป็นไปในทางที่ดีงาม ทางกุศล เพราะอาศัยสุตะ การฟังพระธรรมบ่อยๆ ก็จะทำให้เจริญขึ้นในปัญญา และ กุศลจิต กุศลธรรม และ เมื่อปัญญาเจริญขึ้น จาคะ ก็เจริญขึ้น คือ สละกิเลส สิ่งที่ไม่ดีในจิตใจทีละน้อย และ สละวัตถุ สิ่งของ เพื่อประโยชน์กับผู้อื่นได้มากขึ้น ครับ

ค่อยๆ ฟังพระธรรมไป จากไม่เคยรู้เลย ก็รู้ทีละนิด สะสมไปทีละน้อย น้ำทีละหยดก็ทำให้เต็มตุ่มได้ แต่ต้องอาศัยเวลายาวนาน ครับ อดทนที่จะฟังต่อไป ขณะที่เข้าใจ ขณะนั้นเป็นจาคะ สละความไม่รู้ และ กำลังสะสมสุตะ คือ สั่งสมการฟังให้เข้าใจในขณะนั้น ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
daris
วันที่ 17 ก.พ. 2556

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
tookta
วันที่ 17 ก.พ. 2556

ขอบคุณมากนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 17 ก.พ. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ปัญญา ความเข้าใจถูก เห็นถูก ย่อมเจริญขึ้นไปตามลำดับ ไม่ใช่ว่าปัญญาจะเจริญขึ้นสมบูรณ์เต็มที่ด้วยการฟังเพียงครั้งเดียวหรือสองครั้งเท่านั้น จึงต้องอาศัยการสดับตรับฟังพระธรรม (สุตะ) บ่อยๆ เนืองๆ พิจารณาไตร่ตรองในเหตุในผลของธรรม ขณะที่สามารถทำให้ตนเองได้มีความเข้าใจธรรมเพิ่มขึ้นนั้น เป็นช่วงเวลาที่ประเสริฐของชีวิต และจากการฟังในแต่ละครั้ง ความเข้าใจย่อมจะค่อยๆ เจริญขึ้น จึงเป็นช่วงเวลาที่ประเสริฐจริงๆ เพราะจะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลสในชีวิตประจำวัน กิเลสที่มีมาก ถ้าไม่มีปัญญาแล้ว ย่อมไม่สามารถที่จะขจัดออกไปจากจิตใจได้ ความเข้าใจพระธรรมนี้เอง จะเป็นเครื่ออุปการะเกื้อกูลให้มีการขัดเกลาละคลายสละกิเลส ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่ไม่ดี มีความติดข้อง ความตระหนี่ ความริษยา ความไม่รู้ ตลอดจนถึงกิเลสทุกๆ ประการด้วย ขณะที่ฟังพระธรรมเข้าใจและเจริญกุศลประการต่างๆ ขณะนั้นก็เป็นจาคะเป็นการสละกิเลสด้วยปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก

การอบรมเจริญปัญญาเป็นเรื่องเบาสบาย เข้าใจแค่ไหน ก็แค่นั้น และควรที่จะได้พิจารณาว่า ขณะนี้ ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พร้อมทั้งได้เกิดในถิ่นที่ยังมีพระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าดำรงอยู่ ก็ควรที่จะได้ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ต่อไป ไม่ขาดการฟังพระธรรม จะเข้าใจมากน้อยเท่าไร ก็ต้องฟังต่อไปอีกเรื่อยๆ เพราะเหตุว่าเวลาของแต่ละบุคคลเหลือน้อยเต็มทีแล้ว จะจากโลกนี้ไปเมื่อใด ไม่มีใครทราบได้ จึงไม่ควรที่จะล่วงเลยขณะอันมีค่าและหาได้ยากอย่างนี้ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 17 ก.พ. 2556

สุตะ คือ การฟัง จาคะ คือ การสละกิเลส ฟังธรรมไม่ค่อยรู้ ก็ต้องฟังต่อไป ฟังบ่อยๆ ก็ค่อยๆ เข้าใจขึ้นเอง ไม่มีทางอื่นนอกจากฟังให้เข้าใจ และ พิจารณาธรรมด้วย ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
นิรมิต
วันที่ 18 ก.พ. 2556

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Boonyavee
วันที่ 18 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
jaturong
วันที่ 19 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Pure.
วันที่ 22 ก.พ. 2556

เป็นกำลังใจในความใฝ่รู้ธรรมซึ่งเป็นหนทางสว่างแก่ผู้คนทั่วไปไม่มีชนชั้นวรรณะศึกษาไปแล้วจะเข้าใจเองโดยกาล...

อนุโมทนาธรรมทานครับ...

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ