อยากใคร่เรียนถามเกี่ยวกับเรื่องของความเชื่อของคนในยุคปัจจุบันครับ

 
กฤต
วันที่  16 ส.ค. 2555
หมายเลข  21569
อ่าน  1,080

เนื่องด้วยสังคมในปัจจุบัน เป็นต้นว่าในเขตภาคเหนือ กลาง อิสาน ใต้ ล้วนแล้วแต่มีการนับถือ บูชาเทพ พรหม กระผมเองก็ทราบดีว่าพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่มี เพียงแต่ไม่ได้ให้ยึดสิ่งเหล่านั้นเป็นที่พึ่ง เพราะไม่เป็นเหตุทำให้หลุดพ้น ปัญหาจึงตามมาว่า

๑. ในปัจจุบัน ต่างมีเทพทั้งหลาย ไม่ว่าสายเทพ สายฮินดู สารพัดสาย ต่างเอาคำสอนของพระพุทธเจ้าเข้ามาสอนคน ทั้งสอนสวดมนต์ ไหว้พระ ปฏิบัติธรรมจนแทบจะเรียกได้ว่า เทพเหล่านั้นมาช่วยสืบอายุพระศาสนา ไม่ทราบว่าจะจริงแท้อย่างไร

๒. ในคติของเหล่าพราหมณ์ มีพระเป็นเจ้าสูงสุด และพยายามที่จะกลืนศาสนาพุทธเข้าไป แต่มีคนกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า ร่างประทับทรง ทรงเทพโน่น นี่ นั่น แต่ก็ยังอุตส่าห์เอาความรู้พระพุทธศาสนาสอนคนให้รู้จักกรรมเวร ละความชั่ว ทำความดี ปฏิบัติธรรม จึงอยากเรียนถามตรงนี้ว่า มันดีไหมครับในตรงนี้

๓. จะดีไหมหากมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง มาอาศัยคำว่าความงมงายของคนที่เชื่อเรื่องเทพ พรหม เหล่านั้น เอาเทพ พรหมลงมาสอนสั่งคนกลุ่มนี้ให้บูชา ปฏิบัติ สวดมนต์ ไหว้พระ สรรเสริญพระรัตนตรัย เหมือนกับว่า เป็นการให้สติแก่คนเหล่านั้น โดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เค้าหลงอยู่เป็นผู้ติเตียนให้หยุดหลง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 16 ส.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

๑. ในปัจจุบัน ต่างมีเทพทั้งหลาย ไม่ว่าสายเทพ สายฮินดู สารพัดสาย ต่างเอาคำสอนของพระพุทธเจ้าเข้ามาสอนคน ทั้งสอนสวดมนต์ ไหว้พระ ปฏิบัติธรรม จนแทบจะเรียกได้ว่า เทพเหล่านั้นมาช่วยสืบอายุพระศาสนา ไม่ทราบว่าจะจริงแท้อย่างไร

- พระพุทธเจ้าทรงแสดงครับว่า พระสัทธรรมจะเจริญรุ่งเรือง ไม่ได้อยู่ที่ สิ่งภายนอก ไม่ได้อยู่ที่ วัดวาอาราม ศาสนาวัตถุ แต่อยู่ที่ใจของแต่ละคนที่มีความเข้าใจพระธรรมคำสอนหรือไม่อย่างไร ดังนั้น ใจของแต่ละคนต่างหากที่มีความเข้าใจพระธรรม ย่อมเป็นการสืบต่ออายุของพระศาสนา เพราะ ศาสนา ไม่ได้อยู่ที่ตู้พระไตรปิฎก ไม่ได้อยู่ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่อยู่ที่ใจของแต่ละคน ครับ

ซึ่ง ในมหาปรินิพพานสูตร แม้พระพุทธเจ้าใกล้ปรินิพพาน ก็มีคนมาบูชาพระองค์ด้วยดอกไม้ ของหอม แม้แต่เทพต่างๆ ก็มาบูชาพระองค์ด้วยอามิสบูชามากมาย พระพุทธเจ้า ตรัสกับพระอานนท์ว่า การบูชาด้วยอามิส ไม่ชื่อว่าบูชาเราจริงๆ แต่ใครที่ ปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม ชื่อว่า บูชาเราจริงๆ

ซึ่งอรรถกถาก็อธิบายว่า การที่จะรักษาพระศาสนาได้ นั้น ไม่ใช่เพียงการกราบไหว้บูชา แต่ต้องศึกษาธรรม อบรมปัญญา ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมชื่อว่า รักษาพระศาสนาและทำให้พระศาสนาดำรงยืนยาว เพราะ ศาสนามาจากใจแต่ละคนที่เข้าใจพระธรรม ครับ

ซึ่ง การไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นธรรมดาของปุถุชน ที่ยังพอใจในการอยากได้สิ่งต่างๆ จึงปรารถนา ให้เทพยดาดลบันดาล เพราะ ไม่มีความเข้าใจพระธรรม และ ความไม่รู้ และ ความเห็นผิดเป็นธรรมดา ครับ

๒. ในคติของเหล่าพราหมณ์ มีพระเป็นเจ้าสูงสุด และพยายามที่จะกลืนศาสนาพุทธเข้าไป แต่กลับว่ามาคนกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า ร่างประทับทรง ทรงเทพโน่น นี่ นั่น แต่ก็ยังอุตส่าห์เอาความรู้พระพุทธศาสนาสอนคนให้รู้จักกรรมเวร กลับความชั่ว ทำความดี ปฏิบัติธรรม จึงอยากเรียนถามตรงนี้ว่า มันดีไหมครับในตรงนี้

- พระพุทธเจ้าทรงแสดงในพระสูตรที่ว่าด้วย สัทธรรมปฏิรูป คือ ต่อไปในอนาคต จะมีความคิดที่ไม่ถูกต้อง มาปน กับความคิดที่ถูก ทำให้กลายเป็นความเห็นผิดไป เปรียบเหมือนเมื่อมีทองปลอมเกิดขึ้น ทองแท้ก็จะค่อยๆ หายไป เพราะ ถูกทองปลอมกลืน ด้วยความเข้าใจผิดของบุคคล ครับ

ดังนั้น หากเอาความเห็นผิด มาปนความเห็นถูก เท่ากับว่า ไม่ตรงตั้งแต่ต้น และก็จะกลายเป็นความเห็นผิดไป

เพราะอะไร เพราะสัตว์โลกที่ได้ฟัง ที่หนาด้วยกิเลส ย่อมคล้อยไปตามความเห็นผิด และ กิเลส ครับ จึงไม่สมควรและไม่ถูกต้อง ครับ

๓. จะดีไหมหากมีกลุ่มคนกลุ่มๆ หนึ่ง มาอาศัยคำว่าความงมงาย ของคนที่เชื่อเรื่องเทพ พรหม เหล่านั้น เอาเทพ พรหม ลงมาสอนสั่งคนกลุ่มนี้ให้บูชา ปฏิบัติ สวดมนต์ ไหว้พระ สรรเสริญพระรัตนตรัย เหมือนก้บว่า เป็นการให้สติแก่คนเหล่านั้น โดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เขาหลงอยู่ เป็นผู้ติเตียนให้หยุดหลง

- เทพ พรหม ไม่สามารถทำให้กิเลสลดลง และ ทำให้คนมีสติและปัญญาเพิ่มขึ้นได้ แต่ ปัญญาและสติที่เป็นธรรมฝ่ายดีจะเกิดขึ้นได้ ก็เพราะอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมเป็นสำคัญ ครับ

ดังนั้น แทนที่จะหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาให้เกิดสติปัญญา ก็ควรคบหา พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ที่จะเป็นเครื่องเตือนใจ เตือนสติของสัตว์โลก เพราะ พระธรรมทุกบท เป็นไปเพื่อให้ความเจริญขึ้นของสติและปัญญา และขัดเกลากิเลส ที่จะทำให้กิเลสลดลงและเกิดสติ ปัญญาเพิ่มขึ้น เพราะ ตัวกิเลสนั่นเองที่ทำให้หลงลืมสติ กิเลสลดลงเพราะการอบรมปัญญา แต่กิเลสจะลดลงไม่ใช่เพราะ การไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครับ

ที่สำคัญ เราไม่สามารถไปบังคับบัญชาใครได้ เพราะ สะสมมาแตกต่างกันไป ความเห็นผิดกับความเห็นถูก ก็ต้องอยู่กับโลกต่อไปอย่างนี้ ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
กฤต
วันที่ 16 ส.ค. 2555

สาธุครับ อยู่ที่ใจเพียงอย่างเดียว ไม่เกี่ยวกับสิ่งใดที่จะทำให้บรรลุธรรม สาธุ ครับ แล้วจะมีไหมหนอที่คนจะเล็งเห็นสิ่งเหล่านี้ให้กระจ่าง คนยิ่งนานวันยิ่งถูกครอบงำด้วยความไม่รู้ ความหลง ความโลภ แล้วจะมีใครเล่าที่จะมาช่วยคนเหล่านั้นได้ ทั้งๆ ที่พระศาสนาก็ยังอยู่ ทางแห่งความหลุดพ้นก็ยังมีอยู่ไม่สูญหาย จะมีใครบ้างไหมหนอที่จะช่วยคนเหล่านั้น เพราะการปฏิบัติเป็นสิ่งที่ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากกับสังคมแบบนี้ ใครบ้างที่จะให้สติแก่คนเหล่านั้นได้ คนไม่แสวงหาก็ไม่มีทางได้ งั้นก็คงต้องตัวใครตัวมันใช่ไหมครับ พอได้ดังใจค่อยชี้แนะให้คนที่พอจะมีโอกาสได้รับรู้ได้เข้าใจ สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 16 ส.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญพระบารมี เพื่อที่จะได้ทรงตรัสรู้ธรรมตามความเป็นจริง เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้ความจริงแล้ว ก็ทรงแสดงความจริงให้คนอื่นได้ฟัง และที่สำคัญ ธรรม ไม่ได้สาธารณะกับทุกคน ผู้ที่ได้สะสมบุญมาตั้งแต่ชาติปางก่อน มีศรัทธา เห็นประโยชน์ของพระธรรม เคยได้ยินได้ฟังพระธรรมมาแล้ว จึงมีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษา ได้อบรมเจริญปัญญา ต่อไป

ผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม มีเป็นส่วนน้อย เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ที่เข้าใจธรรมตามความเป็นจริง จึงมีน้อย ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ได้ศึกษา เมื่อไม่ได้ศึกษา ก็ไม่เข้าใจ จึงมีความคิดเห็นผิดๆ มีลัทธิความเห็นต่างๆ หลากหลายมากมาย ก็เป็นเพราะไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ได้ศึกษาพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง นั่นเอง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เซจาน้อย
วันที่ 16 ส.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"การบูชาด้วยอามิส ไม่ชื่อว่าบูชาเราจริงๆ

แต่ใครที่ ปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม ชื่อว่า บูชาเราจริงๆ "

"ธรรม ไม่ได้สาธารณะกับทุกคน"

"ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นแรา"

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ.ผเดิม, อ.คำปั่นและทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
daris
วันที่ 16 ส.ค. 2555

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

เมื่อชาตินี้เกิดเป็นมนุษย์และมีโอกาสฟังธรรมที่หาฟังได้ยากยิ่ง ก็ควรฟังควรศึกษา ทำความเข้าใจด้วยความรอบคอบ เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในธรรม ตามความเป็นจริง

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
กฤต
วันที่ 16 ส.ค. 2555

สาธุครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
พรรณี
วันที่ 17 ส.ค. 2555

ขอบคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
kinder
วันที่ 17 ส.ค. 2555

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
mild
วันที่ 18 ส.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

ความจริง คือ ความจริง การจะเปลี่ยนความจริงเป็นไม่จริง ทำไม่ได้ การจะเปลี่ยนความเท็จให้เป็นความจริงก็ทำไม่ได้ ธรรมะเป็นธรรมะ ธรรมะไม่ไช่ร่างทรง

การจะเปลี่ยนผู้อื่นให้เข้าใจธรรมะโดยไม่ไช่ด้วยการฟังธรรมซึ่งเป็นพระสัทธรรมจากท่านผู้รู้ได้ทรงแสดงโดยละเอียด สอดรับกันตลอด ย่อมเป็นไปไม่ได้ และแม้แต่จะปฏิบัติธรรม ละชั่ว ทำความดี ก็ไม่ไช่เรา ทรงตรัสว่า สัพเพธรรมาอนัตตา

ขออนุโมทนาด้วยคนครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ