อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ร่างกายทำงาน

 
Noii
วันที่  15 ส.ค. 2555
หมายเลข  21558
อ่าน  1,385

เพราะพยาธิที่อาศัยอยู่ในร่างกายสรรพสัตว์ หรือเพราะผลของวิบากกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยจิตเจตสิกที่สั่งสมมานับอสงไขยบวกกับชาติปัจจุบันที่ทำให้เกิดเป็นความจำได้ หมายรู้เป็นอุปนิสัยเป็นวิธีการ นับจากการกินนอนนั่งยืนเดินพูดคิดทำในกิจต่างๆ ของสรรพสัตว์ทั้งหลาย


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 16 ส.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ในความเป็นจริง ชีวิต ที่เป็นร่างกาย คือ การประชุมรวมกันของสภาพธรรมที่เป็นรูปธรรม และ นามธรรม นั่นคือ จิต เจตสิก รูปที่เกิดขึ้นและดับไปแต่ละขณะ แสดงถึงความมีชีวิต และ ร่างกาย ดังนั้น เมื่อร่างกาย คือ การประชุมกันของสภาพธรรมที่ไม่ใช่เรา จึงไม่มีเราที่จะทำ ไม่มีเราที่จะทำให้ร่างกาย หรือ จิตใจ ทำงาน แต่เป็นสภาพธรรมที่ทำหน้าที่ของ จิต เจตสิก รูปที่อาศัยกันและกันเกิดขึ้น จึงเป็นปัจจัยให้มีการทำงานของร่างกาย มีการเคลื่อนไหว การพูด การทำกิจการงานต่างๆ เพราะ อาศัยจิตที่คิดนึก อาศัยเจตสิกต่างๆ ที่เกิดร่วมกันในขณะนั้น และ อาศัยรูปที่เป็นที่เกิดของจิต จึงมีการพูดเกิดขึ้นได้ และ ที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายได้ เพราะมีจิต เจตสิกที่เกิดขึ้น มีความต้องการที่จะเคลื่อนไหว และ เพราะ อาศัย รูปธรรม มีธาตุลม เป็นต้น และ รูปธรรมอื่นๆ ทำให้มีการไหวไป เพราะ ธาตุลมเป็นปัจจัย

นี่แสดงให้เห็นครับว่า ร่างกายมีการทำงาน ทำกิจต่างๆ ได้ แพราะ อาศัย จิต เจตสิก รูป ที่เกิดขึ้นเป็นไปทำหน้าที่ต่างๆ ครับ โดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับพยาธิ ที่เป็น สิ่งมีชีวิตอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ครับ เพราะ เป็น ขันธ์ คนละขันธ์ หรือ กล่าวได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตกันคนละอย่าง แต่อาศัยอยู่ในรูปร่างกาย ที่เป็นรูปธรรม ที่สมมติว่าเป็นคน ครับ แม้พยาธิ ก็มีรูปร่างกาย ก็มี จิต จิต เจตสิก รูป เช่นเดียวกัน การที่พยาธิและสัตว์อื่นๆ จะมีการทำงานของร่างกายเคลื่อนไหวได้ ทำกิจต่างๆ ก็เพราะ อาศัย จิต เจตสิก รูปที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ครับ

ดังนั้น เพราะ มีกรรมเป็นปัจจัย ทำให้มีการเกิดขึ้นของจิต เจตสิก รูป และ เมื่อมีการเกิดขึ้นของสภาพธรรมเหล่านี้ จิต เจตสิก รูป ที่เกิดขึ้น ก็ทำหน้าที่ตามแต่ละประเภทของจิต เจตสิก รูปที่เกิดขึ้น จึงบัญญัติ สมมติเรียกว่า เป็นคน เป็นสัตว์ เป็นสิ่งมีชีวิต และ ทำกิจการงานต่างๆ ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 16 ส.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ถ้า รูปกายนี้ ปราศจากจิต ไม่มีจิตเกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ไม่สามารถกระทำกรรม ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ ได้ แต่ที่ยังมีการเคลื่อนไหวได้ มีการกระทำสิ่งต่างๆ ได้ เพราะมีนามธรรม กล่าว คือ จิต และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วยนั่นเอง

ในภูมิที่มีขันธ์ ๕ ครบ นั้น มีทั้งนามธรรม และ รูปธรรม ที่จะต้องเกิดขึ้นเป็นไป ซึ่งไม่เคยปราศจากธรรมเหล่านี้เลยแม้แต่ขณะเดียว ธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงนั้น เป็นเหตุเป็นผล แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ รูปธรรมและนามธรรมทั้งหมดนั้น เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยจริงๆ ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Noii
วันที่ 17 ส.ค. 2555

ขออนุโมทนาบุญแด่ทุกท่านนะคะ

จากคำตอบข้างต้นขออนุญาตสรุปตามความเข้าใจของตนเองดังนี้

การกระทำที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นกาย วาจา ใจ (สังขารขันธ์) ของรูปที่บัญญัติ สมมติเรียกว่า เป็นคน เป็นสัตว์ เป็นสิ่งมีชีวิต เกิดขึ้นจากการประชุมรวมกันของสภาพธรรม ประกอบด้วย จิต เจตสิก รูป ที่เป็นผลอันเกิดจากกรรมที่ได้สั่งสมเอาไว้ (เหตุปัจจัย)

แต่ จิต เจตสิก เป็นเพียงธรรมธาตุ ที่เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป ดังนี้แล้ว จึงขออนุมานว่า เมื่อมีชีวิตอยู่ ยังไม่หมดกรรม การกระทำต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นกาย วาจา ใจ (สังขารขันธ์) เกิดจากกระบวนการทับซ้อนกันของการเกิดขึ้นตั้งอยู่ และดับไปอย่างรวดเร็วของการประชุมรวมกันของสภาพธรรม (จิต เจตสิก รูป) จึงเรียกได้ว่า นี่คือกระบวนการของการมีชีวิตของรูปที่บัญญัติ สมมติเรียกว่า เป็นคน เป็นสัตว์

ใช่หรือไม่คะ

กราบขอบพระคุณล่วงหน้าและขออนุโมทนาบุญแด่ทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 17 ส.ค. 2555

เรียนความเห็นที่ 3 ครับ

ถูกต้องครับ เพราะมีการเกิดขึ้นของจิต เจตสิก และรูปแต่ละขณะ ก็เป็นการแสดงถึงความมีชีวิตแต่ละขณะ อันเป็นการทำหน้าที่ของจิต เจตสิกและรูป ไม่ใช่เรา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Noii
วันที่ 20 ก.ย. 2556

เรียน ความเห็นที่ 2 และ ที่ 4

ขออนุญาตขยายความ

การงานต่างๆ ของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งกาย วาจา ใจ ที่เป็นกุศล หรืออกุศล ล้วนมาจากจิตทั้งสิ้น ถ้าไม่มีจิตแล้ว ก็ไม่อาจทำกรรมอะไรได้เลย (กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม)

เพราะอำนาจแห่งจิต ที่เป็นผู้กระทำให้วิจิตร เราจึงเคลื่อนไหว เราจึงสามารถสร้างวัตถุสิ่งของ รถไฟ เครื่องบิน ฯลฯ ได้อย่างมากมาย รวมทั้งทำให้เราเกิดมาแตกต่างกันไป ด้วยความวิจิตรที่จิตได้สั่งสมเอาไว้จากการกระทำ (กุศล อกุศล) ที่ผ่านมาหลายภพหลายชาติ

เพราะจิตนั้นวิจิตร จิตนั้น ก่อให้เกิดการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ว่าจะเป็น ทางกาย ทางวาจา และทางใจ จิตนั้นวิจิตรสั่งสม จนทำให้เกิดความชำนาญในการกระทำอย่างนั้นเรื่อยๆ ไป

พราะความวิจิตรของจิตที่เป็นเช่นนั้น จิตดวงเก่าที่ดับไปนั้น ส่งมอบกิจการงาน ให้จิตดวงใหม่โดยไม่ขาดสาย ในลักษณะที่เป็น อนันตรปัจจัย และอาเสวนปัจจัย (ปัจจัยที่เกิดขึ้น อุปการะติดต่อกันโดยไม่มีระหว่างคั่น) และมีความวิจิตร จนทำให้เราคิดว่าเราเป็นผู้กระทำ ไม่ว่า นั่ง นอน ยืน เดิน ขับรถ กินข้าว คิดนึก วางแผน ทำงาน ล้างหน้า แปรงฟัน ทั้งๆ ที่เราไม่ได้เป็นผู้กระทำ ทำให้เราคิดว่าเรามีตัวตน ทั้งๆ ที่เราไม่มีตัวตน

ถูกผิดประการใดโปรดให้คำชี้แนะด้วยนะคะ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ