อรูปพรหม ไม่มีรูป มีแต่นามทั้ง๔ ไปเกิด อยากทราบว่า จิตจะอาศัยที่ไหนเกิดหรือ?

 
ลูกศิษย์ธรรม
วันที่  3 ส.ค. 2555
หมายเลข  21510
อ่าน  2,528

เมื่อไม่มี หทยวัตถุ คือรูปหัวใจ ที่อาศัยเกิดของจิต ซึ่งเป็นรูปขันธ์ (สุขุมรูป ที่เกิดจากกรรมเท่านั้น) แล้ววิญญาณจะปฏิสนธิอย่างไรหรือ? ลูกศิษย์ธรรม อยากให้ท่านผู้รู้ ช่วยอธิบายโดยละเอียดเลยครับ เพื่อจะได้คลายความสงสัย และทำความเข้าใจได้ถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริงครับ.

ขอบพระคุณครับ.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 4 ส.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อรูปพรหม คือ บุคคลที่อบรมสมถภาวนา จนถึงได้ฌานที่ ๕ ขึ้นไป และเมื่อฌานไม่เสื่อมก็ไปเกิดในอรูปพรหมภูมิ เป็นอรูปพรหมบุคคล ซึ่งไม่มีรูปเลย มีแต่นามเท่านั้นครับ คือ มีแต่ จิตและเจตสิกเท่านั้นที่เกิดขึ้นครับ

ซึ่งสำหรับ ปฏิจจสมุปบาท ความเป็นเหตุปัจจัยซึ่งกันและกันของสภาพธรรม ในองค์ที่ว่า วิญญาณ เป็นปัจจัยแก่นาม รูป

วิญญาณ คือ ปฏิสนธิจิต คือ จิตขณะแรกที่ทำหน้าที่ปฏิสนธิ คือ เกิดนั่นเอง สำหรับในภพภูมิที่มีขันธ์ ๕ เมื่อปฏิสนธิจิต เกิด ก็นำมาซึ่ง นาม และ รูป คือ นำมาซึ่ง เจตสิกที่เกิดขึ้นร่วมด้วย และรูปที่เกิดจากกรรม มี หทัยรูป เป็นต้น เช่น เกิดเป็นมนุษย์ ขณะที่ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้น ก็มีนามอื่นๆ เกิดร่วมด้วย เช่น เจตสิกประเภทต่างๆ และมีรูปเกิดขึ้น ที่เป็นรูปที่เกิดจากกรรม จึง กล่าวได้ว่า วิญญาณ (ปฏิสนธิจิต) เป็นปัจจัยให้เกิด นาม รูป คือ เจตสิก (นาม) และรูปที่เกิดจากกรรม เป็นต้น

แต่สำหรับภพภูมิอื่นๆ เช่น ภพภูมิที่มี ขันธ์ ๔ ไม่ใช่ขันธ์ ๕ คือ ไม่มีรูป มีแต่นาม คือ ที่เป็น เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ แต่ไม่มีรูปขันธ์ เรียกว่า ภพภูมิที่มีขันธ์ ๔ ขันธ์ นั่นก็คือ อรูปพรหมภูมินั่นเองครับ คือ มีแต่นามธรรมที่เป็น จิต เจตสิก แต่ไม่มีรูป ซึ่งตราบใดที่ยังมีการเกิด ก็ย่อมไม่พ้นจากความเป็นไปของ ปฏิจจสมุปบาท ความเป็นเหตุปัจจัยซึ่งกันและกันของสภาพธรรม

แม้ อรูปพรหม จะไม่มีรูป แต่ก็ไม่พ้น ในองค์ของปฏิจจสมุปบาทที่ว่า วิญญาณ เป็นปัจจัยแก่นาม รูป เพราะ มีวิญญาณ คือ ปฏิสนธิจิตที่เป็นอรูปาวจรวิบาก ๔ ดวง ดวงใดดวงหนึ่ง ทำกิจปฏิสนธิ คือ เกิดนั่นเอง แต่ไม่เป็นปัจจัยให้เกิดรูป แต่เป็นปัจจัยให้เกิดนาม คือ เจตสิกที่เกิดร่วมด้วยครับ

อรูปพรหม ไม่มีรูปเกิดขึ้นเลย แต่สามารถเกิดปฏิสนธิได้ โดยไม่ต้องอาศัย ที่เกิด ที่เป็นรูป คือ หทยรูป ครับ ที่ปฏิสนธิจิตเกิดได้ โดยไม่อาศัยที่เกิด คือ หทยรูปได้ เพราะ การทำให้ปฏิสนธิจิตเกิด ก็คืออาศัยการเป็นปัจจัยของกันและกันของจิตและเจตสิก ที่เกิดร่วมด้วยกันนั่นเองที่ทำให้เกิดขึ้น แม้ไม่มีรูป แต่ เพราะ มีเจตสิก ที่เกิดร่วมด้วยกับจิต เจตสิกนั่นเอง ปรุงแต่งให้ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้น และ จิตนั่นเองก็เป็นปัจจัยกันและกันกับเจตสิก เป็นปัจจัยให้เจตสิก และปฏิสนธิจิตเกิดขึ้น

สรุปได้ว่า เพราะ อาศัย จิตและเจตสิกที่เกิดร่วมด้วยกันนั่นเอง ทั้งสองอย่างเป็นปัจจัยกันและกัน แม้ไม่มีรูป แต่ก็เป็นปัจจัยให้เกิดปฏิสนธิจิตได้ โดยความเป็นปัจจัยของกันและกันระหว่างจิตและเจตสิก ครับ

ที่สำคัญที่สุด อรูปพรหม เกิดได้ เพราะมีกรรมเป็นปัจจัยสำคัญ แม้ไม่มีรูป แต่ นาม คือ จิตและเจตสิกที่เกิดพร้อมกัน ก็สามารถเกิดได้ แม้ไม่มีรูป เพราะ มีกรรมที่มีกำลังถึงระดับฌานทำกิจปฏิสนธิ ด้วยอำนาจของกรรมเป็นปัจจัย ครับ

ดังนั้น ในภพภูมิบางภูมิ แม้เพียงจิตและเจตสิก ที่อาศัยกันเกิดขึ้น ก็เป็นปัจจัยให้เกิดปฏิสนธิจิตได้ ครับ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ลูกศิษย์ธรรม
วันที่ 4 ส.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 4 ส.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สภาพธรรมที่มีจริง อันเป็นสังขารธรรมซึ่งเป็นสภาพธรรมที่เกิดแล้วดับไปนั้น ต้องเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่มีสภาพธรรมแม้แต่อย่างเดียวที่เกิดขึ้นลอยๆ โดยปราศจากเหตุปัจจัย จิตและเจตสิกก็เช่นเดียวกัน เป็นสภาพธรรมที่เกิดพร้อมกัน ดับพร้อมกัน รู้อารมณ์เดียวกัน และในภูมิที่มีขันธ์ ๕ ก็อาศัยที่เกิดที่เดียวกัน คืออาศัยวัตถุรูปเป็นที่เกิดตามสมควรแก่จิตประเภทนั้นๆ เกิดเพราะเหตุปัจจัยหลายอย่าง

สำหรับในภูมิที่มีแต่นามธรรม คือ ในอรูปพรหมภูมิ จิตและเจตสิกอาศัยกันและกันเกิดขึ้น โดยไม่ต้องอาศัยวัตถุรูปเป็นที่เกิดเลย ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
captpok
วันที่ 9 ส.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ