ขอทราบว่ามี ในพระไตรปิฏกหรือไม่ครับ

 
kinder
วันที่  26 พ.ค. 2555
หมายเลข  21173
อ่าน  955

ปุตตะ ธิตา สะระณัง คัจฉามิ มีคนแปลว่า ณ ชีวิตปัจจุบัน ไม่ทราบว่าถูกต้องหรือไม่ครับ

ขอขอบคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 27 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

คำว่า ปุตตะ ธิตา สะระณัง คัจฉามิ มีคนแปลว่า ณ ชีวิตปัจจุบัน

ได้สอบถามอาจารย์คำปั่นในเรื่องศัพท์แล้วครับ ไม่มีคำนี้ในพระไตรปิฎก และ คำนี้ ไม่สามารถจะแปลได้ว่า ณ ชีวิตปัจจุบัน ครับ

ซึ่ง หากจะแปลได้ ต้องเป็น ปุตตะ ธีตาโร สะระณัง คัจฉามิ คือ มีบุตรและธิดา เป็นที่พึ่ง แต่ในความเป็นจริง บุตรและธิดา ก็เป็นที่พึ่งไม่ได้ สัตว์ทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรมของแต่ละบุคคล ที่พึ่งที่เกษม ประเสริฐ คือ ปัญญาของตนเองที่เกิดขึ้น ที่เป็นที่พึ่งอันเกษม และ การถึง พระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์อันเกิดจากความเข้าใจพระธรรม เป็นที่พึ่งที่ประเสริฐ ครับ

สมดังที่พระพุทธองค์รัสไว้ว่า

[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้าที่ 346

"มนุษย์เป็นอันมาก ถูกภัยคุกคามแล้ว ย่อม

ถึงภูเขา ป่า อาราม และรุกขเจดีย์ว่าเป็นที่พึ่ง;

สรณะนั่นแลไม่เกษม, สรณะนั่นไม่อุดม, เพราะ

บุคคลอาศัยสรณะนั่น ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้.

ส่วนบุคคลใดถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์

ว่าเป็นที่พึ่ง ย่อมเห็นอริยสัจ ๔ (คือ) ทุกข์

เหตุให้เกิดทุกข์ ความก้าวล่วงทุกข์ และมรรค

มีองค์ ๘ อันประเสริฐ ซึ่งยังสัตว์ให้ถึงความสงบ

แห่งทุกข์ ด้วยปัญญาชอบ; สรณะนั่นแลของ

บุคคลนั้นเกษม, สรณะนั่นอุดม, เพราะบุคคลอาศัย

สรณะนั่น ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้."

ขออนุโมทนาอาจารย์คำปั่น และ ทุกท่าน ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
kinder
วันที่ 27 พ.ค. 2555

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์มากครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
daris
วันที่ 27 พ.ค. 2555

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
jaturong
วันที่ 28 พ.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 28 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

[เล่มที่ 41] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ 496

พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสพระคาถานี้ว่า

“บัณฑิตทราบอำนาจเนื้อความว่า บุตรทั้งหลาย ย่อมไม่มีเพื่อต้านทาน, บิดาและพวกพ้องทั้งหลาย ก็ไม่มีเพื่อต้านทาน, เมื่อบุคคลถูกความตายครอบงำแล้ว ความต้านทานในญาติทั้งหลาย ย่อมไม่มี

ดังนี้แล้ว เป็นผู้สำรวมในศีล พึงชำระทางเป็นที่ไปพระนิพพานให้หมดจดพลันทีเดียว”


แต่ละบุคคลที่เกิดมา ล้วนมีความตายเป็นที่สุดด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครหลีกพ้นได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะตายช้าหรือตายเร็วเท่านั้น ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ บุคคลรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นบิดามารดา บุตร ธิดา หรือ ญาติพี่น้องเป็นต้น ย่อมสามารถช่วยเหลือทำกิจต่างๆ ให้แก่เราได้ แต่พอถึงเวลาตาย บุคคลเหล่านี้ ไม่สามารถที่จะช่วยต้านทานไว้ได้เลย

ดังนั้น ในเมื่อทุกคนต้องตายอย่างแน่นอน จึงควรพิจารณาอยู่เสมอว่า ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง เราควรทำอะไรบ้าง ที่จะเป็นประโยชน์? การละสิ่งที่ไม่ดีแล้ว เจริญกุศลประการต่างๆ บ่อยๆ เนืองๆ ตามกำลังของปัญญา ไม่ละเลยในการอบรมเจริญปัญญา ด้วยการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมให้เข้าใจเพื่อน้อมประพฤติปฏิบัติตาม นั้น เป็นความดีที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่า บุคคลผู้ไม่ประมาทในชีวิตอันมีประมาณน้อยนี้ ย่อมไม่เดือดร้อนทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า เพราะเหตุว่าได้สะสมที่พึ่ง คือ กุศลธรรม ให้กับตนเองแล้ว ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ