ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๐๓๕

 
khampan.a
วันที่  23 เม.ย. 2555
หมายเลข  21011
อ่าน  1,606

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๕]

* การได้ฟังพระธรรมไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นโดยปราศจาก เหตุปัจจัย ถ้าไม่ได้มีบุญที่กระทำไว้แล้วในชาติปางก่อน จะไม่มีโอกาสได้ฟังพระธรรม เลย และถ้าไม่ได้สะสมศรัทธาและความเห็นที่ถูกต้องว่าฟังเพื่อเข้าใจความจริง คน นั้นก็จะได้ยินได้ฟังแล้วก็ผ่านไป ไม่ได้คิดเลยว่าสิ่งที่กำลังได้ฟังนั้นเป็นความจริงซึ่ง ใครๆ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เลย

* จุดประสงค์ของการฟังพระธรรม ก็เพื่อเข้าใจความจริง เนื่องจากมีความจริง แต่เมื่อยังไม่เคยฟังพระธรรม ก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่า ธรรมนั้น คืออะไร คิดไม่ออก จึงต้องเริ่มที่การฟังในขณะนี้

* พระธรรมแต่ละคำที่แต่ละคนได้ยินได้ฟังนี้ มาจากการบำเพ็ญพระบารมีนานแสนนานของผู้ที่จะได้ทรงตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ละคำคือพระมหากรุณาคุณตั้งแต่ครั้งทรงบำเพ็ญพระบารมีเป็นพระโพธิสัตว์จนกระทั่งได้ทรงตรัสรู้ มีค่ามากสำหรับที่จะทำให้คนอื่นได้มีความเข้าใจจริงๆ

* ในเรื่องของกรรม ในการเห็นโทษ ของอกุศล ในเรื่องของการละชั่ว ทำความดีให้ถึงพร้อม และชำระจิตให้บริสุทธิ์ หมดจดจากอกุศล เป็นต้น

* ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระองค์ ก็จะไม่ได้ยินแม้แต่คำว่า “ธรรม”

* ถ้าไม่เริ่มเป็นผู้ว่าง่าย ขัดเกลาเสียตั้งแต่ในขณะนี้ นับวันก็จะว่ายาก ดังนั้น ถ้าเริ่มอ่อนโยน เป็นผู้ที่ว่าง่าย น้อมที่จะปฏิบัติตามพระธรรม ตามพระธรรมวินัยโดย ง่าย ก็จะทำให้เป็นผู้ที่ง่ายต่อการที่จะเจริญกุศล

* เจรจาน่ารัก คือ การพูดคำที่ไม่กระทบกระเทือนจิตใจของบุคคลอื่น เป็นคำที่ ฟังแล้วไม่แสบร้อน เกิดขึ้นเพราะกุศลจิตที่ประกอบด้วยเมตตา

* ธรรมที่จะเป็นที่พึ่งได้จริงๆ นั้นต้องเป็นกุศล แต่ว่ายากที่จะเกิด เพราะเหตุว่าเมื่อ สะสมอกุศลมามาก ก็ย่อมมีปัจจัยให้อกุศลธรรมเกิดมากกว่ากุศลธรรม เพราะฉะนั้น ผู้ที่ เห็นว่าธรรมใดเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง ก็จะเข้าใจในคุณของธรรมนั้น กล่าวคือคุณของ กุศลธรรม ก็ย่อมจะเป็นปัจจัยให้ได้เจริญกุศลในชีวิตประจำวัน

* อกุศลทั้งหมด เกิดมาจากความไม่รู้ ตราบใดที่ยังมีความไม่รู้ จะหมดอกุศลไม่ได้เลย

* รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ กรรมของเราเป็นผู้นำมาให้ ถ้ากุศลกรรมยัง คุ้มครองให้ผลอยู่ก็จะไม่มีโอกาสได้รับอารมณ์ที่ไม่ดีทางตา หู จมูก ลิ้น กายเลย

* กำลังอาศัยพระศาสดาหรือเปล่า แม้ในขณะที่กำลังฟังพระธรรมและเข้าใจในสิ่งที่กำลังฟัง อาศัยพระศาสดาเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกจริงๆ

* ขณะที่มีการฟังพระธรรม เพราะละอายที่จะไม่รู้ แต่ถ้าไม่ฟัง ไม่สนใจ นั่น เป็นเพราะความไม่ละอาย

* ทะเลาะกัน ไม่สงบ ติดข้อง ก็ไม่สงบ เพราะเป็นอกุศล

* เมื่อยังมีพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ก็ควรฟัง

* ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมทุกวันๆ เลย จะถูกครอบงำด้วยความมัวเมาไม่มีวันสร่าง

* มีธรรมเกิดดับอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่เกิดจนตาย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน พ้นจากธรรมไม่ได้

* ฟังพระธรรมเพื่อเข้าใจจริงๆ ความไม่รู้มีเยอะมาก จะให้หมดไปในทันทีทันใดก็ไม่ได้

* คนที่ตายแล้ว ไม่สามารถย้อนกลับมาเป็นบุคคลนี้ได้อีก

* สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ก็เป็นเช่นนั้น เกิดแล้วดับแล้ว ไม่กลับมาอีกเลย

* (ควร) ฟังธรรมเสมอๆ เมื่อมีโอกาส

* ไม่สามารถละความติดข้องได้ ถ้าปัญญาไม่เกิด

* ฟังพระธรรม เพื่อเข้าใจธรรมตามความเป็นจริง เพื่อละความไม่รู้ ไม่ใช่เพื่อเรา

* คนอื่นตายไปแล้ว ขณะนี้เรายังไม่ตาย แต่ในที่สุดเราก็จะต้องตายเหมือนกับคนที่ตายไปแล้ว นั่นแหละ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง

* อกุศล เกิดบ่อยๆ เรื่อยๆ เกิดขึ้นเมื่อใด ก็ขัดขวางการเจริญขึ้นของกุศลเมื่อนั้น

* สิ่งที่มีจริง ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้

* สัตบุรุษ คือ ผู้รู้ธรรมที่สงบจากกอกุศล ซึ่งจะต้องมีปัญญาที่จะรู้จักอกุศลก่อน แล้วจึงจะสามารถละอกุศลได้

* พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อได้ทรงตรัสรู้แล้ว ก็ทรงแสดงพระธรรมแก่พุทธบริษัท ซึ่งเป็นไปเพื่อความสงบจากอกุศล

* ปัญญาเท่านั้น ที่จะทำให้ค่อยๆ หลีกออกจากความติดข้องและกิเลสทั้งหลาย

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๓๔ ได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๔

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
wittawat
วันที่ 23 เม.ย. 2555

ประโยชน์ทั้งหมดของการฟังธรรม ก็เพื่อปัญญาเกิด ที่จะสามารถฟังธรรมได้ ก็ต้องมีความละอายต่อความไม่รู้ และปัญญาเกิดก็ละความไม่รู้ เพราะได้ฟังธรรมก็คือรู้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา หรือ สิ่งหนึ่งสิ่งใด

สุตตะ เป็นประโยชน์แก่การเกิด ปัญญา ปัญญาก็เป็นประโยชน์ให้เกิด สุตตะ การได้ฟังธรรมเป็นขณะที่หายาก เพราะอาศัยพระศาสดาจึงได้ฟังธรรม เพราะถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ไม่มีใครมีโอกาสได้ฟังเลย ต้องสะสมศรัทธา และความเห็นถูก ซึ่งสะสมมาแต่ปางก่อน จึงได้ฟังพระธรรม และถ้าไม่ได้ฟังธรรม ไม่ได้เข้าใจ จะเห็นโทษของอกุศล ความชั่วละเอียดยิ่งขึ้นไม่ได้

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nong
วันที่ 23 เม.ย. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
orawan.c
วันที่ 23 เม.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 23 เม.ย. 2555

ขออนุญาตร่วมแบ่งปัน ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ครับ

- ที่ว่ามีทุกข์มากนั้น ก็เพราะมีความเห็นผิดยึดว่าเป็นตัวตน ถ้าไม่มีความเห็นผิด ยึดว่าเป็นตัวตนแล้ว ก็จะละคลายทุกข์ลงไปมากทีเดียว ทุกข์ทั้งหลายจะละ คลายเบาบางลงได้เมื่อกิเลสดับไปตามลำดับ เมื่อกิเลสยังไม่ดับสิ้นไป การเกิด ก็ย่อมยังมีประมาณนับไม่ได้ ตราบใดที่ยังเกิด ตราบนั้นก็ยังมีทุกข์

- ธรรมะไม่ได้อยู่ในหนังสือหรือตำรา ต้องรู้ว่าทุกขณะเดี๋ยวนี้เป็นธรรมทั้งหมด ศึกษาธรรมะ คือ สิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ ข้อนี้ลืมไม่ได้เลย

- ปัญญาเป็นทรัพย์อันประเสริฐ ยิ่งกว่าทรัพย์สินใดๆ ทั้งสิ้น ถึงแม้ว่า เราจะมี ความยุ่งยากในชีวิตหน้าที่การงานแต่ก็ยังมีปัญญาที่จะเข้าใจชีวิตได้ดีขึ้น ธรรมะคือชีวิต ชีวิตก็คือธรรมะ การเห็น การได้ยิน ความนึกคิด ความรู้สึก และความ ผูกพัน เป็นสภาพธรรมที่มีจริงซึ่งปรากฏในขณะนี้ ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม สภาพธรรมต่างๆ เหล่านี้ ก็มีพร้อมที่จะให้เราเข้าใจ พร้อมที่จะให้รู้ชัด พร้อมที่ จะให้ประจักษ์แจ้ง

- คำว่า “ตนเป็นที่พึ่งของตน” หมายความว่า ไม่มีใครสามารถจะทำบุญกรรมแทนกันได้ แม้การอบรมเจริญปัญญา ก็ต้องอบรมด้วยตนเอง แต่ในขณะนี้ผู้ที่ยังไม่

- ประจักษ์ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริงว่าไม่ใช่ตัวตน ก็ยังคงยึดถือว่า มีตัวตนอยู่

- ยามคับขันย่อมปรารถนาผู้กล้าหาญ

- ยามปรึกษางานย่อมปรารถนาคนผู้ไม่พูดพล่าม

- ยามมีข้าวน้ำย่อมปรารถนาผู้เป็นที่รักของตน

- ยามต้องการเหตุผลย่อมปรารถนาบัณฑิต

- เคารพในกุศลจิตของบุคคลอื่น การเคารพซึ่งกันและกันก็เป็นการขัดเกลากิเลส

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pat_jesty
วันที่ 23 เม.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตอาจารย์คำปั่น และทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
kinder
วันที่ 24 เม.ย. 2555

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 24 เม.ย. 2555

ขอบพระคุณคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Zeta
วันที่ 24 เม.ย. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Noparat
วันที่ 25 เม.ย. 2555

* ถ้าไม่เริ่มเป็นผู้ว่าง่าย ขัดเกลาเสียตั้งแต่ในขณะนี้ นับวันก็จะว่ายาก ดังนั้น ถ้าเริ่มอ่อนโยน เป็นผู้ที่ว่าง่าย น้อมที่จะปฏิบัติตามพระธรรม ตามพระธรรมวินัย โดยง่าย ก็จะทำให้เป็นผู้ที่ง่ายต่อการที่จะเจริญกุศล

* สิ่งที่มีจริง ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้

* สัตบุรุษ คือ ผู้รู้ธรรมที่สงบจากกอกุศล ซึ่งจะต้องมีปัญญาที่จะรู้จักอกุศลก่อน แล้วจึงจะสามารถละอกุศลได้

ขอบคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
kullawat
วันที่ 1 ส.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 7 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ