พระสูตรนอกเหนือพระไตรปิฎก

 
หนทาง
วันที่  18 เม.ย. 2555
หมายเลข  20990
อ่าน  1,944

๑. เป็นไปได้หรือไม่ที่มีพระสูตรเล่มอื่นนอกเหนือที่มีอยู่ในพระไตรปิฎก

๒. มีผู้กล่าวว่าพระพุทธองค์เสด็จโปรดไปสถานที่ต่างๆ เป็นไปได้หรือไม่ที่มีผู้บันทึก เรื่องราวโดยไม่มีในพระไตรปิฎก


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 19 เม.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

๑. เป็นไปได้หรือไม่ที่มีพระสูตรเล่มอื่นนอกเหนือที่มีอยู่ในพระไตรปิฎก

พระสูตร คือ พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่แสดงในเรื่องของสัตว์ บุคคล ที่แสดงกับ บุคคลต่างๆ ในสถานที่ต่างๆ ซึ่ง พระไตรปิฎก คือ พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมด ซึ่ง เริ่มจากการที่พระเถระในอดีต ผู้มีปัญญามาก มีท่านพระมหากัสสปะ ท่านพระอานนท์ ท่านพระอุบาลี รวบรวม ด้วยการทรงจำไว้ด้วยปัญญา อย่างครบถ้วน โดยไม่ต้องจดบันทึก จึงไม่ได้มีพระสูตรเล่มอื่นๆ ขึ้นมาอีก เพราะท่านพระอานนท์และท่านพระอุบาลีที่ทรงจำ พระอภิธรรม พระสูตร พระวินัย ทรงจำไว้ได้อย่างดีและครบถ้วนแล้วครับ

๒. มีผู้กล่าวว่าพระพุทธองค์เสด็จโปรดไปสถานที่ต่างๆ เป็นไปได้หรือไม่ที่มีผู้บันทึกเรื่องราวโดยไม่มีในพระไตรปิฎก

- หากได้อ่านความละเอียดของพระไตรปิฎก โดยเฉพาะ ท่านพระอานนท์ ที่เป็นเลิศในทางพหูสูต สดับฟังมาก และเป็นเลิศในการทรงจำพระธรรมไว้ และเป็นเลิศในการอุปัฏฐาก พระพุทธเจ้า ก่อนที่ท่านจะได้เป็นพระอุปัฏฐากพระพุทธเจ้า ท่านได้ขอพร ๔ ประการ และ ข้อห้าม ๔ ประการ

พร ๘ ประการที่พระอานนท์กราบทูลขอมีดังนี้ครับ

๑. อย่าประทานจีวรอันประณีตแก่ข้าพระองค์

๒. อย่าประทานบิณฑบาตอันประณีตแก่ข้าพระองค์

๓. อย่าโปรดให้ข้าพระองค์อยู่ในที่ประทับของพระองค์

๔. อย่าทรงพาข้าพระองค์ไปในที่นิมนต์

๕. ขอพระองค์จงเสด็จไปยังที่นิมนต์ที่ข้าพระองค์รับไว้

๖. ให้ข้าพระองค์พาบริษัทซึ่งมาเฝ้าพระองค์แต่ที่ไกลเข้าเฝ้าได้ในขณะที่มาถึงแล้ว

๗. ถ้าความสงสัยของข้าพระองค์เกิดขึ้นเมื่อใด ขอให้เข้าทูลถามได้เมื่อนั้น

๘. ถ้าพระองค์ทรงแสดงธรรมเทศนาเรื่องใดในที่ลับหลังข้าพระองค์ ขอพระองค์ตรัส

บอกธรรมเทศนาเรื่องนั้นแก่ข้าพระองค์ด้วย

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 19 เม.ย. 2555

ซึ่งท่านพระอานนท์ จะติดตามพระพุทธองค์ไปในสถานที่ต่างๆ เสมอ และ ก็จะจำพระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดงทั้งหมดได้อย่างครบถ้วน และบางคราวก็ไม่ได้ไปกับพระพุทธเจ้า ท่านก็ขอพร ข้อที่ ๘ ที่ว่า ถ้าพระองค์ทรงแสดงธรรมเทศนาเรื่องใด ในที่ลับหลังข้าพระองค์ ขอพระองค์ตรัสบอกธรรมเทศนาเรื่องนั้นแก่ข้าพระองค์ด้วย

ท่านพระอานนท์ก็รับฟังพระธรรมในที่ที่ท่านไม่ได้ติดตามไปทุกเรื่อง เพราะพระพุทธเจ้าทรงแสดงซ้ำให้พระอานนท์ฟัง และท่านก็ทรงจำไว้ได้ทั้งหมด ครับ

ดังนั้น เมื่อถึงการสังคายนาพระธรรม ท่านพระอานนท์ ก็ทรงจำพระธรรมที่พระพุทธเจ้าได้ทั้งหมด ทั้งที่ไม่ได้ติดตามไปและติดตามไปด้วย ครับ และสมัยนั้นไม่ต้องจดบันทึก แต่ท่านเหล่านั้นมีปัญญามาก สามารถทรงจำพระธรรมได้ทั้งหมด เมื่อเป็นดังนี้ พระธรรมส่วนต่างๆ ที่พระพทธเจ้าทรงแสดง จึงไม่ตกหล่นไปเลย ครับ แม้พระพุทธเจ้าจะเสด็จไปที่ไหนก็ตาม ครับ

ที่สำคัญ ความสงสัยจะหมดไปไม่ได้เลยในคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ว่า พระไตรปิฎกมีจริงหรือไม่ ครบถ้วนหรือไม่ หากผู้นั้นไม่ได้ศึกษาพระธรรมด้วยตนเองเสียก่อน เมื่อไม่ศึกษา ก็ย่อมสงสัยเป็นธรรมดา แต่หากได้ศึกษาพระธรรมแล้ว เมื่อปัญญาเจริญขึ้น ย่อมเห็นตามความเป็นจริงว่า พระธรรมของพระพุทธเจ้า เป็นจริงอย่างไร และ ละคลายความสงสัยในพระธรรม เพราะได้ศึกษาพระธรรมและปัญญาเกิดแล้วนั่นเอง ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 19 เม.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นผู้อุบัติขึ้นในโลกเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงแล้ว ทรงมีพระมหากรุณาที่จะเกื้อกูลสัตว์โลกให้ได้เข้าใจธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงเหมือนอย่างพระองค์ จึงทรงประกาศพระศาสนา ด้วยการทรงแสดงพระธรรมเพื่อให้สัตว์โลกผู้ที่ได้สะสมเหตุที่ดีมา ได้ฟังได้ศึกษาสะสมปัญญาต่อไป ซึ่งมีผู้ที่ได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงมากมายนับไม่ถ้วน

พระองค์ได้ทรงแสดงพระธรรมตลอด ๔๕ พรรษา แล้วก็มีการทรงจำสืบต่อมาจนถึงปัจจุบันเป็นพระไตรปิฎก (คำสอน ๓ หมวดหมู่) คือ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก ซึ่งทั้งสามปิฎกนั้นมีคุณค่ามากมายหาอะไรเปรียบไม่ได้เลย ถ้าได้ศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบจริงๆ ศึกษาเมื่อใดเข้าใจเมื่อใด ย่อมเป็นประโยชน์เมื่อนั้น เป็นไปเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ละคลายความไม่รู้และความเห็นผิด เป็นต้น

พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงนั้น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของพระสูตร พระวินัย รวมถึงพระอภิธรรม ด้วย ก็เพียงพอต่อความเข้าใจของผู้ที่ฟัง ได้ศึกษาอย่างแท้จริง สำคัญที่จุดประสงค์ที่ถูกต้องในการศึกษา ว่า ศึกษาเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกจริงๆ ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น เช่น ลาภ สักการะ สรรเสริญ เป็นต้น ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 19 เม.ย. 2555

พระไตรปิฎกทั้งหมดเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า

สังคายนาครั้งที่ ๑ โดยท่านพระมหากัสสปะ และ พระอรหันต์ ๕๐๐ รูป

สังคายนาครั้งที่ ๒ ที่เมืองเวสาลี โดยพระอรหันต์เหมือนกัน

สังคายนาครั้งที่ ๓ ที่ศรีลังกา โดยพระอรหันต์ เช่นกัน

สรุป พระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม ก็สืบต่อกันมาโดยครบถ้วนบริบูรณ์ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เซจาน้อย
วันที่ 19 เม.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ที่สำคัญ ความสงสัยจะหมดไปไม่ได้เลยในคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ว่า พระไตรปิฎกมีจริงหรือไม่ ครบถ้วนหรือไม่ หากผู้นั้นไม่ได้ศึกษาพระธรรมด้วยตนเองเสียก่อน เมื่อไม่ศึกษา ก็ย่อมสงสัยเป็นธรรมดา แต่หากได้ศึกษาพระธรรมแล้ว เมื่อปัญญาเจริญขึ้น ย่อมเห็นตามความเป็นจริงว่า พระธรรมของพระพุทธเจ้า เป็นจริงอย่างไร และ ละคลายความสงสัยในพระธรรม เพราะได้ศึกษาพระธรรมและเกิดปัญญาเฉพาะตน

ขอบคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pat_jesty
วันที่ 19 เม.ย. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
daris
วันที่ 20 เม.ย. 2555

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

ได้อ่านแล้วก็ซาบซึ้งในพระคุณของท่านพระอานนท์และพระเถระทุกรูปที่ได้รวบรวมคำสอนพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจนสืบต่อมาจนถึงพวกเราในปัจจุบัน

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 23 มิ.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ