องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว ท่านประทับอยู่ที่ใด

 
wanipa
วันที่  9 มี.ค. 2555
หมายเลข  20735
อ่าน  26,915

มีความสงสัยค่ะ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว ไม่มีภพ ไม่มีชาติแล้ว อยากทราบว่า ณ ปัจจุบันนี้ ยังมีท่านประทับอยู่ ณ สรวงสวรรค์ที่ใดที่หนึ่งในจักรวาลหรือไม่


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 9 มี.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

นิพพานมี ๒ อย่าง คือ สอุปาทิเสสนิพพาน และ อนุปาทาทิเสสนิพพาน

สอุปาทิเสสนิพพาน เป็นการดับกิเลสหมดสิ้น แต่ยังมีขันธ์ห้าอยู่ เช่น พระพุทธเจ้าทรงดับกิเลสหมดสิ้นที่พุทธคยา แต่ยังไม่ปรินิพพานเป็นนิพพานที่เป็นการดับกิเลสหมดสิ้น แต่ยังมีชีวิต มีขันธ์ห้า

อนุปาทาทิเสสนิพพาน คือ การดับสภาพธรรมทั้งปวง ไม่เกิดขึ้นอีก ทั้งนามธรรมและรูปธรรม ขันธ์ห้า ไม่เกิดขึ้นอีกเลย เช่น ที่กุสินารา พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน ไม่มีการเกิดขึ้นของ ขันธ์ห้าและสภาพธรรมอะไรอีกเลย เรียกว่า อนุปาทาทิเสสนิพพาน

ดังนั้นพระพุทธเจ้า และพระสาวกผู้เป็นพระอรหันต์ ดับกิเลสหมดสิ้นแล้ว เมื่อถึงคราวที่จุติจิตเกิด คือ สิ้นชีวิต ก็จะไม่มีการเกิดขึ้นของสภาพธรรมอะไรอีกเลย ทั้ง จิต เจตสิก และรูป เรียกว่า ปรินิพพาน อันหมายถึงการดับโดยรอบสิ้นเชิง ไม่มีการเกิดขึ้นของขันธ์ และสภาพธรรมอะไรเลย

ดังนั้น พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย เมื่อจุติจิตเกิด ก็ไม่มีการไปอยู่ในสถานที่มี สวรรค์ หรือจักรวาลอื่นๆ อีกเลย เพราะไม่มีการเกิดขึ้นของ จิต เจตสิกและรูปแล้ว หากยังไปเกิดในสถานที่ใด มีสวรรค์ หรือ จักรวาล ก็แสดงว่า ยังมีการเกิด ยังไม่พ้นจาการเวียนว่ายตายเกิดจริงๆ ครับ เปรียบอุปมาเหมือน แสงเทียน เมื่อสิ้นเชื้อ คือ น้ำมัน (สิ้นกิเลส) แสงเปลวเทียนก็ดับไป เปลวเทียนที่ดับไป ก็ไม่สามารถบัญญัติได้ว่า ไปอยู่ที่ไหนอย่างไร หายไปเลย นั่นเองครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 9 มี.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และ พระอริยบุคคลขั้นสูงสุด คือ พระอรหันต์ เมื่อดับกิเลสหมดแล้วไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย แต่ก็ยังมีสภาพธรรม กล่าวคือ จิต เจตสิก (ที่ไม่เป็นไปกับด้วยกิเลส) และ รูป เกิดขึ้นเป็นไป ยังมีเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ยังมีการได้รับผลของกรรม ยังมีความเกิดขึ้นแห่งจิตที่ดีงามในการทำประโยชน์เกื้อกูลแก่บุคคลอื่น เป็นต้น ซึ่งก็ยังเป็นการเกิดดับสืบต่อกันของสภาพธรรม ยังมีสภาพธรรมเป็นไปอยู่ จนกว่าท่านจะดับขันธปรินิพพาน เมื่อนั้น จึงจะไม่มีการเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ ไม่มีจิต เจตสิก และ รูป เกิดขึ้นอีก เพราะเหตุว่า ดับเหตุที่จะทำให้เกิด คือ กิเลส ได้หมดสิ้นแล้ว นั่นเอง จึงไม่มีการไปประทับหรือไปอยู่ ณ ที่ไหนเลย สำหรับพระอรหันต์ที่ดับขันธปรินิพพานแล้ว ถ้าเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะใช้คำว่า ทรงดับขันธปรินิพพาน หรือ เสด็จดับขันธปรินิพพาน แต่ถ้าเป็นพระอรหันต์ ทั้งหลาย ก็ใช้คำว่า ดับขันธปรินิพพาน ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 9 มี.ค. 2555

พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ผ่านมาสองพันกว่าปี ท่านดับกิเลสหมด ไม่มีเหตุปัจจัยให้เกิดอีก ท่านไม่ได้ประทับที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์ หรือพรหมโลก มีแต่พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งผู้ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมจึงจะพ้นทุกข์ เหลือแต่ชื่อ และ พระคุณของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นที่เคารพบูชา และกล่าวถึง ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wanipa
วันที่ 9 มี.ค. 2555

ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เซจาน้อย
วันที่ 9 มี.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Jeab333
วันที่ 9 มี.ค. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
พิมพิชญา
วันที่ 11 มี.ค. 2555

ดิฉันเคยอ่านพระไตรปิฎก มีอยู่ตอนหนึ่งกล่าวว่า เทวดาและมนุษย์จะไม่ได้เห็นท่านอีกหลังจากปรินิพพานไปแล้ว ไม่ทราบว่าใครพอทราบมั้ยคะว่าอยู่ตอนไหน เคยอ่านผ่านๆ ไม่ได้บันทึกไว้ค่ะ เลยลืมว่าอยู่ตอนไหน แต่บทนี้แหละค่ะที่ทำให้เพื่อนดิฉันหลายคนเลิกเชื่อว่าพระพุทธเจ้าอยู่แดนนิพพาน

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
แก้วนพคุณ
วันที่ 11 มี.ค. 2555

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
khampan.a
วันที่ 13 มี.ค. 2555

เรียนความเห็นที่ 8 ครับ

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอรหันต์ทั้งหลาย เมื่อดับขันธปรินิพพานแล้ว ไม่มีการเกิดอีก ไม่มีจิต เจตสิก และ รูป เกิดขึ้นอีกเลย จึงไม่มีใครสามารถพบเห็นพระอรหันต์ซึ่งดับขันธปรินิพพานได้เลย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสช่วงก่อนที่พระองค์จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ว่า

[เล่มที่ 13] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 290

วัยของเราแก่หง่อมแล้ว ชีวิตของเราเป็นของน้อย เราจักละพวกเธอไป เราทำที่พึ่งแก่ตนแล้ว. ท่านพระสารีบุตรเถระ ก่อนที่ท่านจะดับขันธปรินิพพาน ได้เข้าไปกราบทูลลาพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า

[เล่มที่ 30] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้าที่ 430

"ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า เลยไปหนึ่งอสงไขย กำไรแสนกัปแต่กัปนี้ไป ข้าพระองค์หมอบลงที่ใกล้พระบาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า อโนมทัสสี ปรารถนาเห็นพระองค์ ความปรารถนาของข้าพระองค์นั้นสำเร็จแล้ว ข้าพระองค์เห็นพระองค์แล้ว เป็นการเห็นครั้งแรก นี้เป็นการเห็นครั้งสุดท้าย การได้เห็นพระองค์ไม่ได้มีอีกแล้ว"

ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเทวดา ก็ไม่สามารถที่จะเห็นพระอรหันต์ซึ่งดับขันธปรินิพพานไปแล้วได้เลย เพราะพระอรหันต์ทั้งหลายดับกิเลสอันเป็นเหตุให้มีภพใหม่ได้แล้ว จึงไม่มีการเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ เมื่อไม่มีการเกิด คนอื่นก็ไม่สามารถพบเห็นได้ หรือแม้แต่ตนเอง ก็ไม่สามารถเห็นผู้อื่นได้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากไม่มีการเกิด นั่นเอง

ดังเช่น คำกราบทูลปรินิพพานของท่านพระสารีบุตร ว่า การได้เห็นพระองค์ ไม่ได้มีอีกแล้ว, ท่านพระสารีบุตร ปรินิพพานก่อนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๖ เดือน ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
หลานตาจอน
วันที่ 14 มี.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
bsomsuda
วันที่ 26 ส.ค. 2556

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
panasda
วันที่ 28 ส.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
peem
วันที่ 11 ก.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
duanpen
วันที่ 12 ส.ค. 2558

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
Chinboot
วันที่ 6 ม.ค. 2559

ผู้ที่เป็นพุทธสาวกควรศึกษาอรรถของพุทธศาสนาให้เข้าใจจากพระไตรปิฎก, อรรถกถา, ฎีกา จึงจะรู้ปริยัติอย่างถูกต้อง ทำเช่นนี้แล้วก็จะเป็นการสะสมปัญญาบารมีเพื่อการไปสู่พระนิพพาน

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
Kok
วันที่ 7 ม.ค. 2563

อนุโมทนาสาธุครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
Jarunee.A
วันที่ 18 ต.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ