แท้ที่จริงเป็นจิตคิด

 
Nareopak
วันที่  26 ก.พ. 2555
หมายเลข  20634
อ่าน  1,071

วันนี้ไปฟังธรรมที่มูลนิธิฯ ช่วงหนึ่งท่านอาจารย์กล่าวถึง จิตคิด (เพราะมีจิตที่คิดจึงพูด) จึงขอถามว่า เพราะจิตคิดเกิดดับเร็วมากหรือเป็นเพราะอวิชชา ถึงไม่รู้ว่าจิตคิดเกิดขึ้นจึงทำให้เปล่งวาจาออกมาเป็นคำพูด


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 27 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การกระทำทางกาย วาจาและใจที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นได้เพราะอาศัยสภาพธรรมที่มีจริงเกิดขึ้น คือ อาศัย จิต เจตสิกและรูป เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่เป็นปัจจัยให้มีการกระทำทางกาย วาจาและใจ แม้แต่การพูด ที่เป็นการกระทำทางวาจา ก็ต้องอาศัย จิต เจตสิกที่เกิดขึ้น และอาศัยรูปหลายๆ รูปเกิดขึ้นทำให้มีการเปล่งเสียงอออกมาได้ เพราะหากมีจิตที่คิดที่จะต้องการพูด แต่ไม่มีรูปที่ไม่ควรแก่การงานที่จะทำให้พูดได้ ก็ไม่สามารถที่จะพูดได้เลยครับ ดังนั้น เพราะมีจิตที่คิด ต้องการที่จะพูด และมีรูปที่พร้อมกัน มีวจีวิญญัติ และรูป อื่นๆ ก็ทำให้เกิดขึ้นพูดได้ หากไม่มีจิตที่คิดจะพูด มีเพียงรูปก็พูดไม่ได้เช่นกันครับ ซึ่งเมื่อมีจิตที่คิดจะพูด ซี่งจิตนั้นเป็นกุศลจิตที่จะพูด หรือ อกุศลจิตที่จะพูดก็ได้ เช่น คิดที่จะพูดเท็จ (อกุศลจิต) คิดที่จะพูดคำหวังดี (กุศลจิต) แล้วอาศัยรูปอื่นๆ ก็ทำให้เกิดการเปล่งวาจาพูดออกมาได้ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 27 ก.พ. 2555

ส่วนการจะรู้หรือไม่รู้นั้นเป็นเรื่องของกิเลสที่สะสมมา และเพราะไม่มีปัญญา จึงไม่รู้ ในขณะที่กำลังพูดว่าเป็นขณะที่จิตกำลังคิดที่จะพูดนั่นเองครับ สภาพธรรมเกิดดับรวดเร็วมากเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ที่ไม่รู้ เพราะปัญญาไม่เพียงพอ และสะสมกิเลส มีความไม่รู้มามากนั่นเองครับ ซึ่งการจะรู้ขณะที่จิตคิดที่จะพูด เป็นเรื่องยาก เพราะแม้ในขณะนี้ สภาพธรรมที่กำลังปรากฏก็ยังไม่รู้เลย ที่เป็นเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้กระทบสัมผัส สี กลิ่น รส ที่ปรากฏในชีวิตประจำวันก็ยังไม่รู้เลยครับ การจะไปรู้จิตคิดที่กำลังพูด ที่เป็นธรรมที่ละเอียดกว่าก็เป็นเรื่องยาก เพราะต้องเป็นปัญญาระดับสูงที่เป็นสติปัฏฐาน คล่องแคล่วแล้วครับ จึงจะรู้ได้ ดังนั้น ก็อาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมต่อไป ปัญญาจะค่อยๆ เจริญและทำหน้าที่เองและเข้าใจถูกว่าสติปัฏฐานการอบรมปัญญาไม่ได้เลือกที่จะรู้สภาพธรรมอะไร แม้แต่จิตที่คิดที่จะพูด และการที่ไม่รู้ว่าเป็นจิตที่คิดจะพูดเพราะปัญญายังน้อยมาก และสะสมความไม่รู้มามาก ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 27 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กุศลจิตเป็นจิตใจที่ดีงาม จิตใจที่ดีงามเกิดขึ้นในขณะใดขณะนั้นเป็นกุศล, อกุศลจิตเป็นจิตใจที่ไม่ดี จิตใจที่ไม่ดีเกิดขึ้นขณะใด ขณะนั้นเป็นอกุศล เพราะมีกุศลจิตเกิดขึ้น จึงมีการคิด พูด และ กระทำ ในสิ่งที่ดีงาม ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากความเกิดขึ้นเป็นไปของสภาพธรรมเลย เมื่อจิตใจดีแล้ว กาย วาจา ใจ ก็ย่อมจะดี คล้อยตามกุศลจิตที่เกิดขึ้น ในทางตรงกันข้าม ถ้าจิตไม่ดี เป็นจิตที่ร้ายด้วยอกุศลธรรม ก็ทำให้มี กาย วาจา และ ใจ ไม่ดี เป็นไปตามอกุศลจิตที่เกิดขึ้น

การที่จะเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นขณะใด ก็ตาม ต้องเริ่มที่การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาไปตามลำดับ ค่อยๆ สะสมความเข้าใจที่ถูกต้องไปตามลำดับ ว่า ทุกขณะ มีแต่ธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยเท่านั้น แม้ขณะที่คิด ก็เป็นธรรมที่เกิดขึ้น ไม่มีตัวตนที่คิด หรือไปบังคับให้คิดหรือไม่ให้คิด ได้ สำคัญที่ความเข้าใจถูกเห็นถูกตั้งแต่ต้นจริงๆ จนกว่าปัญญาจะค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับ ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เซจาน้อย
วันที่ 27 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
jaturong
วันที่ 28 ก.พ. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Nareopak
วันที่ 28 ก.พ. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ