การฝังและการเผาศพ

 
nuengthai
วันที่  10 ก.ย. 2554
หมายเลข  19689
อ่าน  7,516

อยากทราบครับว่า การฝังกับการเผาศพ วิธีไหนที่จะทำใ้ห้หลุดพ้นมากกว่ากัน

และเกี่ยวไหมครับว่า การฝังนั้นจะทำให้วิญญาณวนเวียนอยู่ ณ จุดนั้น

มากกว่าการเผา ผิดหรือไม่ประการใด ขอคำชี้แนะด้วยครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 10 ก.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

เรื่องของศพ ศพก็คือ รูปที่ปราศจากวิญญาณ วิญญาณในที่นี้หมายถึงจิต ดังนั้นศพ

จึงเป็นเพียงรูปธรรมที่ไม่มีจิต เจตสิกแล้ว จึงไม่มีชีวิตครับ ดังนั้นจะฝังหรือไม่ฝังศพ

หรือจะเผา หรือ ไม่เผา ฝังศพบริเวณไหนอย่างไร ก็ไม่ได้ทำให้มีวิญญาณล่องลอย

บริเวณนั้นเลยครับ เพราะเมื่อตายแล้วเกิดทันที ไม่มีวิญญาณมาวนเวียนล่องลอย 7 วัน

ไม่มีครับ และในเมื่อศพ เป็นรูปธรรมเท่านั้นที่ไม่มีชีวิต จึงไม่มีอิทธิพลใดๆ ที่จะทำให้มี

วิญญาณมาล่องลอยอะไรทั้งสิ้นครับ

ส่วนประเด็นเรื่องการฝังศพกับการเผาศพ วิธีไหนจะทำให้หลุดพ้นได้มากกว่ากัน

ตามที่กล่าวแล้วครับว่า ศพก็เป็นเพียงรูปเท่านั้น ไม่ต่างจากก้อนหิน เพราะไม่มีจิต

แล้ว ดังนั้นศพไม่ว่าจะฝังหรือไม่ฝัง เผาหรือไม่เผา ก็ไม่มีส่วนเกี่ยงข้องอะไรกับการจะ

ทำให้หลุดพ้นครับ เพราะการหลุดพ้น เป็นเรื่องของนามธรรมที่เป็นจิต เจตสิก ที่ไม่ใช่

รูปธรรมที่เป็น ศพ ครับ

การหลุดพ้น คือ การหลุดพ้นจากกิเลส จึงไม่ใช่เกิดจากการฝังหรือไม่ฝังศพ (เผา)

แต่เป็นเรื่องของการเจริญธรรมที่เป้นปฏฺปักษ์ของกิเลส คือ เจริญปัญญา เมื่อปัญญา

เจริญจนถึงขีดสุดก็สามารถละกิเลสได้หมด ถึงความหลุดพ้นจากกิเลสหมดสิ้น และ

เมื่อปรินิพพานก็หลุดพ้นจากการเกิดขึ้นของสภาพธรรมใดๆ อีก ไม่มีการเกิด ไม่มีการ

ตาย ไม่มีศพเพราะไม่มีการตายแล้ว ไม่ต้องเผาหรือฝังศพกันต่อไปครับ การหลุดพ้น

จึงต้องอบรมปัญญา ไม่ใช่การทำพิธีหลังจากที่ตายไปแล้วครับ

ส่วนในสมัยพุทธกาลที่มีการเผาศพ เช่น พระพุทธเจ้าเมื่อปรินิพพาน หรือ พระอริย

สาวกที่เป็นพระอรหันต์ เหตุผลประการหนึ่ง คือ นำพระธาตุนั้นมาบูชา สร้างเจดีย์เพื่อ

ประโยชน์กับคนรุ่นหลังได้กราบไหว้ บูชากันครับ อันนำมาซึ่งประโยชน์สุขกับผู้บูชานั่น

เอง ขออนุโมทนาครับ

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nuengthai
วันที่ 10 ก.ย. 2554

สาธุครับ

ขออนุโมทนา
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 10 ก.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ -หน้า๓๘๘

" ไม่นานหนอ กายนี้จักนอนทับแผ่นดิน กายนี้ มีวิญญาณไปปราศ อันบุคคลทิ้งแล้ว ราวกับท่อนไม้ ไม่มีประโยชน์ฉะนั้น "


------------------------------------------------ ชีวิตของบุคคลผู้ที่มาในโลกนี้ ล้วนมีความตายเป็นที่สุดด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เมื่อจุติจิตเกิดขึ้นทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ในภพนี้ เกิดเป็นบุคคลในภพใหม่ชาติใหม่ต่อไป (ตราบใดที่ยังมีกิเลส) ไม่สามารถกลับมาเป็นบุคคลนี้ได้อีก ผู้ที่เป็นญาติหรือบุคคลรอบข้างก็นำศพอันปราศจากจิต ไปเผา หรือทำฌาปนกิจ (ทำกิจคือการเผา) หรือถ้าไม่เผา ก็ฝัง การเผาหรือการฝัง ไม่เกี่ยวกับการหลุดพ้นเลย เพราะการหลุดพ้น เป็นเรื่องของการอบรมเจริญปัญญา ตามความเป็นจริงแ้ล้ว แต่ละคน ล้วนมีความตายเป็นทีุ่สุดด้วยกันทั้งนั้น แทนที่จะไปคิดเรื่องอื่น ก็ควรที่จะได้พิจารณาว่าก่อนที่วันสุดท้ายของภพนี้ชาิตินี้จะมาถึง ควรจะทำอย่างไร จึงจะถูกต้องดีงาม เป็นประโยชน์ให้สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ให้มากทีุ่สุด นั่นก็คือ ทำความดี และ ฟังพระธรรมให้เข้าใจ สะสมเป็นอุปนิสัยที่ดี ซึ่งจะเป็นที่พึ่งที่แท้จริงสำหรับชีวิต เพราะอกุศลธรรม พึ่งไม่ได้เลย สิ่งที่จะเป็นที่พึ่งได้นั้น ต้องเป็นธรรมฝ่ายดีเท่านั้นจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ความเข้าใจถูก เห็นถูก [ปัญญา] ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 10 ก.ย. 2554

คนจีนนิยมผัง คนไทยนิยมเผา ประเพณีแต่ละชาติก็ไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะผังหรือเผา ตายแล้วเกิดทันที จะเกิดที่ไหน ภูมิไหน ก็แล้วแต่ผลของกรรม ถ้ากุศลกรรมให้ผล ก็ทำให้เกิดเป็นมนุษย์ หรือ เกิดในสวรรค์ และที่สำคัญการที่จะหลุดพ้นจากอวิชชาคือ ความไม่รู้ ก็ต้องอบรมเจริญวิชาความรู้ เพื่อละความเห็นผิด ละยึดมั่นถือมั่นในตัวตนค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nuengthai
วันที่ 10 ก.ย. 2554

ขอบคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
หลานตาจอน
วันที่ 12 ก.ย. 2554
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ