ค้นหาความหมาย ของพรหม ๔ หน้า แนวพุทธปรัชญา

 
มโน
วันที่  19 ส.ค. 2554
หมายเลข  18987
อ่าน  12,439

จากปัจจุบัน จะมีให้เห็นกันมาก ในเรื่องของพระพรหม

ซึ่งคำว่าพรหมนี้ก็ได้มีกล่าวอยู่ในพุทธศาสนา ในบางส่วน

ถึงเหตุให้เป็นพรหมบ้าง ความเป็นไปบ้าง เปรียบมารดาบิดาเป็นพรหมของบุตรบ้าง

หากมองจากงานศิลปะ หรือรูปปั้นของพระพรหมแล้ว

ในทางพระพุทธปรัชญา มีแนวทางการอธิบายว่าอย่างไร

ถึงเหตุให้มี ๔ หน้า อาวุธต่างๆ ในพระหัตถ์ของพระพรหม

และพรหมในปัจจุบัน กล่าวคือ มารดาบิดานั้น เหตุใดจึงเปรียบว่า

มารดาบิดาเป็น พรหม ของบุตร ขอผู้รู้ร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยครับ

(แนวทางอธิบายลักษณะของพรหม และการเปรียบเทียบธรรมของพรหม)


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 20 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การเป็นพระพรหม ก็ด้วยการเจริญฌาน ซึ่งการจะเจริญฌานก็มีการเจริญ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา อุเบกขา ก็สามารถทำให้ถึงความเป็น พรหมบุคคลได้ เมื่อมีกรเจริญ เมตตา กรุฯา มุทิตา อุเบกขาครับ
ดังนั้นที่คนในยุคก่อนและปัจจุบัน ปั้นรูปพระพรหม มี 4หน้า ก็เป็นการ แสดงถึง คุณธรรมของท่านนั่นเองครับว่า มี 4 ประการคือ มี เมตตา กรุณา มุทิตาและอุเบกขาครับ จึงมี 4 หน้า แต่พระพรหมจริงๆ ท่านไม่มี 4 หน้าครับ ดังน้นการปั้น 4 หน้าเพื่อเป็นเครื่องเตือนให้เห็นคุณธรรม ของท่านครับส่วนมารดา บิดา เปรียบเหมือนพรหมคือ มีเมตตา กรุณา มุทิตาและอุเบกกับบุตร เปรียบเหมือนคุณธรรมของพระพรหมนั่นเองครับ เมื่อลูกมีความสุขก็ปรารถนาให้ลูกมีความสุขเพิ่มขึ้น เป็นเมตตา เมื่อทุกข์ ก็อยากให้ลูกพ้นทุกข์ ก็มีกรุณา แลเมื่่อลูกได้ดี ก็พลอยยินดีด้วย เป็นมุทิตา และเมื่อลูกประสบความสำเร็จก็วางเฉยว่าลูกสามารถดูแลตัวเองได้ก็วาง เฉยในสิ่งที่ลูกสามารถดูแลตัวเองได้ครับ นี่คือ บิดา มารดา มีพรหมวิหาร 4 เหมือนกับคุณธรรมของพรหม มารดาจึงเปรียบเหมือเป็นพรหมของบุตรครับ ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
มโน
วันที่ 20 ส.ค. 2554

ขอบพระคุณครับ

อยากทราบเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ศาตราวุธ (หลัก) ของพระพรหม

ถ้ามองในแนวพุทธปรัชญา มีความหมายอย่างไรบ้าง

ศาตราวุธของพระพรหม

๑. ลูกประคำ

๒. ดอกบัว

๓. หม้อน้ำ

๔. คัมภีร์

ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 20 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมคำสอนที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก (ปัญญา) เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรมประการต่างๆ เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสของผู้ที่มีโอกาสได้ฟังและน้อมประพฤติปฏิบัติตามเป็นอย่างยิ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า มารดาบิดา เป็นพรหม เพราะเป็นผู้ประกอบด้วยพรหมวิหาร ๔ ประการ คือ เมตตา ความเป็นมิตร ความเป็นเพื่อน ความหวังดี, กรุณา ความปรารถนาที่จะช่วยให้เขาพ้นจากความทุกข์, มุทิตา ความพลอยยินดี เมื่อผู้อื่นได้ดี และ อุเบกขา ความเป็นกลางไม่เอนเอียงไปด้วยความรักหรือความชัง มีความเป็นกลางไม่ยินดียินร้าย มารดาบิดา มีเมตตา หวังดีเลี้ยงลูกให้เจริญเติโต มีกรุณา เมื่อบุตรธิดาเจ็บไข้ได้ป่วยก็ทำการรักษาให้หายจากความเจ็บป่วยนั้น เมื่อลูกได้ดีมีความสุข ก็พลอยยินดีกับลูกด้วย เมื่อลูกมีการหน้าที่การงานแล้ว พ่อแม่ก็ไม่ต้องขวานขวายแก่ลูกผู้ประกอบอาชีพการงานแล้ว ธรรม ทั้ง ๔ ประการ เป็นธรรมฝ่ายดีที่ควรอบเจริญขึ้นในชีวิตประจำวัน ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ที่เป็นมารดาบิดาเท่านั้น โดยที่มีเมตตา เป็นเบื้องต้น เพราะเหตุว่า ถ้าไม่มีเมตตา ไม่มีความเป็นมิตรเป็นเพื่อนแล้วการที่จะช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากทุกข์ รวมถึงการที่จะมีความพลอยยินดีเมื่อผู้อื่นได้รับในสิ่งที่ดี โดยไม่มีความริษยาเลยนั้น ย่อมจะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ สำหรับกิจของอุเบกขานั้น ได้แก่ ความเป็นกลางในธรรมนั้นๆ คือ เป็นผู้วางตนเป็นกลาง มีความเป็นไปเสมอ โดยเว้นการยินดียินร้าย คือ ไม่ยินดียินร้าย ดุจตาชั่งที่จับไว้เสมอกัน

เวลาที่เห็นใครกระทำผิด เบียดเบียนผู้อื่นให้ได้รับความเดือดร้อน ถ้าเป็นผู้ที่ได้อบรมเจริญอุเบกขา ก็จะมีความเป็นกลาง ไม่เอนเอียง จะมีความเข้าใจตามความเป็นจริงว่าผู้ที่กระทำในสิ่งที่ไม่ดี ผลที่ไม่ดีก็ย่อมจะเกิดขึ้นแก่บุคคลนั้นอย่างแน่นอน หรือแม้กระทั่งเวลาที่เขาได้รับในสิ่งที่ดีที่น่าพอใจ ก็จะไม่หวั่นไหว ไม่เอนเอียงไป ด้วยอำนาจของโลภะความติดข้องยินดีพอใจ,พระธรรมจึงควรค่าแก่การศึกษาอย่างยิ่งเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งขึ้นและเพื่อน้อมประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 20 ส.ค. 2554

เรียนความเห็นที่ 2 ครับ

อาวุธ 4 ที่ท่านยกมาที่เป็นอาวุธของพระพรหมตามรูปปั้นพระพรหมนั้น โดยมากเป็น

ความเข้าใจของศาสนาพราหมณ์ที่มีความเชื่อ จึงปั้นและมีอาวุธอย่างนั้น ไม่เกี่ยวกับ

ศาสนาพุทธและพระพรหมก็ไม่มีอาวุธอย่างนั้นครับ อย่างเช่น คัมภืร์ ท่านมุ่งหมายถึง

คัมภีร์พระเวท ที่ลัทธิพราหมณ์ศึกษากัน ซึ่งพราหมณ์เขามีพรหมเป็นผู้สูงสุดครับ ดังนั้น

อาวุธต่างๆ จึงไม่เกี่ยวข้องกับแนวคิดทางศาสนาพุทธเลยครับ และไม่มีแสดงเรื่องอาวุธ

4 ในศาสนาพุทธครับ

ซึ่งพระพุทธศาสนา แสดงเรื่องของาวุธไว้ครับว่า อาวุธคือ การเป็นผู้ฟังมากและน้อม

ประพฤติปฏิบัติตามชื่อว่าเป็นอาวุธ อาวุธที่สามารถต่อสู้กับกิเลส และอาวุธยังหมายถึง

คุณธรรมประการต่างๆ มีศีลและขันติ เป็นต้นครับ นี่คือ อาวุธในทางพระพุทธศาสนา

ครับ ขออนุโมทนา

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หน้าที่ ๔๒๕

ศีลเป็นกำลังหาที่เปรียบมิได้ เป็นอาวุธอย่างสูงสุด เป็นอาภรณ์อันประเสริฐ

เป็นเกราะอันน่าอัศจรรย์

--------------------------------------------------------------------

อนึ่งชื่อว่าขันตินี้ เป็นอาวุธไม่เบียดเบียนคน ดี ในเพราะสมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ เพราะกำจัดความ โกรธ อันเป็นปฏิปักษ์ต่อคุณธรรมไม่มีส่วนเหลือ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
มโน
วันที่ 20 ส.ค. 2554

พอเป็นไปได้ไหมครับ

ว่าหากตีความโดยใช้หลักพุทธปรัชญา (ไม่ใช่ศาสนานะครับ)

ลูกประคำ คือ การเจริญภาวนา คือสมถกัมมัฏฐาน มี ฌาณเป็นเครื่องฆ่ากิเลส

ดอกบัว คือ สัญลักษณ์ แสดงความสะอาดจากกองกิเลส หรือแสดงถึงการเป็นบัวเหล่าหนึ่ง

หม้อน้ำ คือ การรักษาเอาน้ำเปรียบคือธรรมทั้ง ๔ ประการให้มั่นคง

และคัมภีร์ คือ หลักปริยัติธรรมที่แสดงเหตุให้เกิดเป็นพรหม ธรรมของผู้ชื่อว่าพรหม และแนวทางของความเป็นพรหม

ปัจจุบัน ศาสนาพราหมณ์ก็มีการผสมผสานหลักทางพุทธเข้าไปพอสมควร

ดังนั้นเมื่อมีการกล่าวในเรื่องเดียวกัน ในสมัยพุทธกาลไม่นิยมตัดสินทันทีว่าสิ่งนั้นไม่มี หรือสิ่งนั้นมี

แต่มักจะกล่าวถึง สิ่งที่มีนั้นก็เพราะมีเหตุปัจจัยอาศัยกันให้บังเกิดมี

หรือสิ่งนั้นดับไปก็เพราะมีเหตุให้ดับไป

จุดประสงค์คือ ตั้งกระทู้เพื่อหาแนวคิดใหม่ๆ โดยอาศัยหลักเหตุผล เพราะต่อไปข้างหน้า พระพุทธศาสนาจะต้องพบกับการพิสูจน์อีกมากมายจากลัทธิหรือศาสนาอื่นๆ

แต่ไม่ใช่การเอาแนวศาสนาอื่นมาเป็นของเรา ในทางกลับกันกลับยืนยันให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ไม่ให้โจมตีหรือแบ่งแยกศาสนาอื่น ให้ศาสนาพุทธเรามั่นคงและสามารถทนต่อการพิสูจน์ได้มากขึ้น และยอมรับได้กว้างขึ้น

ขออนุโมทนากับความเห็นของทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
paderm
วันที่ 20 ส.ค. 2554

เรียนความเห็นที่ 5 ครับ สัจจะความจริง กับ สิ่งที่ไม่ใช่สัจจะ ความจริง ปนกันไม่ได้ครับ ต้องแตกระหว่างถูก

และผิด ดังนั้นพระศาสนาจะยั่งยืนนาน คือ ไม่นำความคิดเห็นอื่น ศาสนาอื่นมาปน

เพราะจะทำให้ สิ่งที่บริสุทธิ์ถูกกลืน เป็นสัทธรรมปฏิรูป คือ ธรรมที่ปฏิรูปขึ้นใหม่ ก็ทำ

ให้ของเก่าค่อยๆ อันตรธานไปพระศาสนาก็จะอันตรธานเร็วขึ้น เพราะพระธรรมไม่ตรง

ตามความเป็นจริง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องผสมและไม่ใช่เรื่องที่จะโจมตีครับ แต่เรากำลัง

พูดถึงสิ่งที่จริง ที่เป็นสัจะว่าพระพุทธเจ้าแสดงว่าอย่างไร คำของพระองค์เป็นหนึ่งไม่

เป็นสอง ไม่เปลี่ยนแปลงครับ ดังนั้การแสงสิ่งที่จริง ถูกต้องจึงไม่ใช่เรื่องการขัดแย้ง

แต่เป็นเรื่องที่ให้ผู้อื่นเข้าใจถูกในพระธรรม ตามที่พระองค์แสดงไว้ครับ ขออนุโมทนา

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 176

ว่าด้วยผู้ทำให้พระสัทธรรมเสื่อมและมั่นคง

[๑๓๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่แสดงอธรรมว่าธรรม

ภิกษุเหล่านั้นชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อไม่เป็นประโยชงเกื้อกูล ไม่เป็น

ความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนัตถะเพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูลแก่ชน

เป็นอันมาก เพื่อทุกข์แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งย่อมประสบ

บาปใช่บุญเป็นอันมาก และย่อมจะยังสัทธรรมนี้ให้อันตรธาน.

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
แสงจันทร์
วันที่ 20 ส.ค. 2554

ศาสตราวุธของพระพรหม

ลูกประคำ คือ การสวดมนต์ภาวนาต่อพระพรหมเพื่อแผ่เมตตาไปยังสรรพชีวิต

ดอกบัว

คือ ความสวยงามของธรรมะ ความดีงาม

พระองค์ทรงสอนให้มนุษย์กระทำในสิ่งที่ดีงามและมีเมตตาต่อผู้อื่นเสมอ

คัมภีร์

คือ การตั้งตนอยู่ในความดีความชอบ

การศึกษาบทสวดและโยคะเพื่อมุ่งตรงสู่พระผู้เป็นเจ้า

หม้อน้ำ

คือ กมัณฑลุ หรือ หม้อกลัศ ที่นักพรตตวงน้ำจากแม่น้ำคงคา

ไปใช้ในพิธีกรรมบูชาเทพต่างๆ (น้ำมนต์บริสุทธิ์)

ศาสตราวุธทั้ง 4 นี้คือศาสตราวุธหลัก แต่ก็ยังมีศาสตราวุธอีกมากมาย

แล้วแต่ช่างจะจินตนาการปั้นหรือวาด เพื่อเสริมความหมายขึ้นมา เช่น ธนู หอก กระจกสังข์ ดาบ มีด กริซ ช้อนตักน้ำมันไฟ จักร คฑา ตลอดจนเครื่องดนตรีต่างๆ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
wannee.s
วันที่ 20 ส.ค. 2554

ในพระไตรปิฏกมีแสดงไว้ ท้าวสหัมบดีพรมห มาทูลอาราธนา ขอให้พระผู้มี

พระภาคเจ้าทรงแสดงธรรม พระพุทธเจ้าทรงตรวจดูสัตว์โลกด้วยพุำทธจักษุ ทรง

เห็นว่า สัตว์โลกมีอุปนิสัยแตกต่างกัน อุปมาเหมือนดอกบัวสี่เหล่า บางเหล่า

เกิดแล้วในน้ำ บางหล่าเจริญแล้ว แต่ยังจมอยู่ในน้ำ บางเหล่างอกขึ้นเสมอน้ำ

บางเหล่าพ้นน้ำแล้ว เมื่อถูกแสงอาทิตย์ก็พร้อมที่จะบาน ฯลฯ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
วิริยะ
วันที่ 21 ส.ค. 2554
ขออนุโมทนาค่ะ
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ