ญาณที่ 4 คือ อุทยัพพยญาณ

 
POPO
วันที่  16 มิ.ย. 2554
หมายเลข  18566
อ่าน  6,507

ญาณที่ 4 คือ อุทยัพพยญาณ รู้การเกิดดับอย่างชัดเจน จะเกิดขึ้นตอนไหน เกิดได้อย่างไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 16 มิ.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ขณะนี้มีสภาพธรรมที่กำลังเกิดขึ้นและดับไป ขณะที่ฟังหรือได้ยินอะไรสักอย่าง

ขณะนั้นก็มีเห็นด้วย ซึ่งในความเป็นจริงสภาพธรรมเกิดขึ้นและดับไป ขณะที่ได้ยิน

ขณะนั้นจะต้องไม่เห็นเพราะเป็นขณะที่ได้ยินเท่านั้น ต่อเมื่อจิตได้ยินหรือขณะที่ได้ยิน

เสียงดับไป จิตอื่นๆ เกิดต่อ จึงเห็นได้ครับ แต่ในขณะนี้ ขณะที่กำลังได้ยิน ก็เห็นด้วย

เห็นไมได้ดับไปเลย นี่แสดงให้เห็นถึงการเกิดดับอย่างรวดเร็วของสภาพธรรมทีเกิด

ดับสืบต่อกัน ทำให้เหมือนเห็นและได้ยินพร้อมกัน เห็นไม่ได้ดับไปเลยในขณะที่ได้ยิน

ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว ขณะทีได้ยิน จิตได้ยินเกิดขึ้น ขณะนั้นต้องไม่เห็นครับจะต้องเป็น

โลกที่มืด แต่ก็ยังสว่างอยู่แม้ได้ยินเพราะความรวดเร็วของจิตที่เกิดดับ ซึ่งปัญญาไม่ได้

รู้ความจริงของสภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไปนั่นเองครับ

หลอดไฟ ที่กำลังเห็นอยู่ว่าสว่างนิ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว แสงหลอดไฟมีการ

กระพริบอย่างรวดเร็ว ด้วยความรวดเร็วนี้เองที่ทำให้ตาเปล่าของเราเองไม่สามารถ

เห็นว่า มันกำลังกระพริบอยู่อย่างรวเดเร็ว ด้วยความรวดเร็วของการกระพริบ ทำให้ดูว่า

ไฟนิ่ง ไม่กระพริบดับไปเลยครับ แต่หากมีเครื่องมือที่สามารถตรวจจับความเร็วได้ก็

ย่อมเห็นการกระพริบสลับกันของแสงหลอดไฟครับ จิตก็เช่นกัน เกิดดับอยู่ตลอดเวลา

แต่ไม่เห็นเลยเพราะความไม่รู้ แต่ปัญญาเท่านั้นที่จะเห็นตามความเป็นจริงของการ

เกิดดับครับ ธูป เมื่อจุดไฟ แล้วลองแกว่งก้านธูปเร็วๆ จะเห็นว่าเป็นวงกลม เพราะ

ความสืบต่อ อย่างรวดเร็วของการหมุน จิตก็เช่นกัน มีการเกิดดับ แต่เกิดดับอย่างรวด

เร็วจึงเห็นว่าเที่ยง ไม่เกิดดับเลยในขณะนี้ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 16 มิ.ย. 2554

วิปัสสนาญาณขั้นที่ ๔ ซึ่งเป็น อุทยัพพยญาณ ประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไปของ

นามธรรมและรูปธรรมแต่ละประเภทอย่างชัดเจน ซึ่งอุทยัพพยญาณจะเกิดขึ้นได้

เมื่อปัญญาที่พิจารณาลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมได้ทั่วทั้ง 6 ทางสมบูรณ์แล้ว

ตราบใดที่สติปัฏฐานยังไม่ระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมได้ชัดเจนทั่วทั้ง 6

ทวารอุทยัพพยญาณก็ไม่มีปัจจัยที่จะเกิดได้เลย ซึ่งก่อนจะถึงวิปัสสนาญาณขั้นที่ 4

ก็ต้องผ่านวิปัสสนาญาณขั้น ต้นมาก่อน และเจริญสติปัฏฐานทั่วทั้ง 6 ทวารตามที่

กล่าวมา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องไกลมากและการเห็นการเกิดดับก็ไม่ใช่เรื่องการคิดพิจารณา

เป็นเรื่องราว แต่เห็นถึงสภาพธรรมที่เกิดดับจริงๆ ซึ่งกว่าจะไปถึงตรงนั้น สำคัญคือ

อบรมเหตุที่ถูกต้องคือการฟังพระธรรมให้เข้าใจเป็นเบื้องต้นว่า ธรรมคืออะไร หากไม่

เข้าใจตัวธรรมแล้ว ก็ไม่มีทางถึงการเห็นการเกิดดับได้ เพราะอะไรที่เกิดดับก็คือ ธรรม

ที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม ดังนั้นก็ต้องเข้าใจตัวธรรมที่มีในขณะนี้เสียก่อนครับว่าเป็น

ธรรมไม่ใช่เรา เริ่มจากปัญญาขั้นต้นครับ ขออนุโมทนา เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ ปัญญาในการพิจารณาเห็นความแปรปรวนแห่งธรรม [อุทยัพพยญาณ] วิปัสสนาญาณที่ ๔ -- อุทยัพพยญาณ

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
kulwilai
วันที่ 17 มิ.ย. 2554

ถ้าไม่มีความเข้าใจถูกในลักษณะธรรมะ ที่มีจริง ที่กำลังปรากฎ แต่ละอย่าง แต่ละทาง การ

ที่ปัญญาจะรู้การเกิดและดับไปของธรรมะที่กำลังปรากฎก็ในขณะนี้ ก็มีไม่ได้ ดังนั้นต้องเริ่ม

จากการฟังพระธรรมที่ทรงแสดงสภาพธรรมะที่มีจริง ไตร่ตรองเนื้อความแห่งธรรมะ จนกว่า

จะเป็นปัจจัยให้ปัญญาเจริญขึ้น มีความเห็นถูกในลักษณะธรรมะที่กำลังปรากฎในขณะนี้

เพราะธรรมะเป็นสิ่งที่มีจริง ในชีวิตประจำวันจึงไม่พ้นจากรูปธรรมที่ไม่รู้อารมณ์กับนามธรรม

ที่รู้อารมณ์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 17 มิ.ย. 2554

ก่อนอื่นต้องรู้จักธรรมะก่อน ถ้าไม่รู้จักธรรมะ ก็ได้แต่ชื่อ รู้คำ รู้อะไรมากมาย

แต่ไม่เข้าใจธรรมะเลย เรื่องวิปัสสนาญาณที่ 4 เป็นเรื่องที่ไกลไป เพียงแค่

วิัปัสสนาญาณที่ 1 ในสังสารวัฏฏ์ก็เกิดแสนยาก ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
POPO
วันที่ 17 มิ.ย. 2554

ถ้าเกิดว่า บุคคลใดบุคคลบหนึ่งมี ประสบการณ์ โดยที่ขณะ มีสติระลึกรุ้เสียง ภาพทางตา และ ความรู้สึกต่างๆ ทางกาย รวมถึง ทางความคิด จะหายไปเลย เสมือนโลกทั้งโลกมี เพียงเสียอย่างเดียว ใช่หรือไม่ครับ และการเกิดดังกล่าวจะเกิดรวมเร็วมาก ราวกับกระพิบตา ถ้า ใช่แสดง่วา ผุ้ที่มีประสบการณ์ ดังกลว่าก็เข้าสู่เขตของ ญาณที่ 4 ใช่หรือไม่ครับ และนอกจากนี้ ประสบการณ์ ดังกล่าวนี้ จะต้องเกิดขึ้นทุกครั้ง ที่มีสติระลึกรู้หรือไม่ หรือ เกิดบ้างไม่เกิดบ้าง

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
paderm
วันที่ 18 มิ.ย. 2554

เรียนความเห็นที่ 5 ครับ

การรู้ลักษณะของสภาพธรรมทีละอย่าง ที่เป็นสติปัฏฐาน ขณะนั้นที่สติปัฏฐานเกิด

ขณะนั้นมีลักษณะของสภาพธรรมให้รู้เท่านั้น ไม่มีอย่างอื่น มีเพียงอย่างเดียวคือ ธรรม

ไม่มีสัตว์ บุคคลในขณะนั้น ขณะนั้นเป็นปัญญาที่รู้จริงในลักษณะของสภาพธรรมแต่ละ

อย่างว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา นี่คือเป็นเพียงปัญญาที่เป็นสติปัฏฐาน ดังนั้นตามที่ความคิด

เห็นที่ 5 กล่าวมานั้นก็เป็นเพียงปัญญาเบื้องต้นเท่านั้นครับ ยังเป็นเรื่องไกลมากๆ ใน

เรื่องการประจักษ์การเกิดดับที่เป็นวิปัสสนาญาณที่ 4 ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
natre
วันที่ 25 มิ.ย. 2554

ผมชอบแนวทางเจริญสติปัฏฐานที่ท่านใดบอกว่าไม่ใช่จะถึงเฉพาะ สภาพธรรมะกันได้โดยง่าย เพราะสิ่งใดที่ได้มาอย่างง่ายๆ มักจะไม่ใช่ของแท้ (ยิ่งในยุคสมัยนี้) ก็ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 26 มิ.ย. 2554
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 18566 ความคิดเห็นที่ 7 โดย natre

ผมชอบแนวทางเจริญสติปัฏฐานที่ท่านใดบอกว่าไม่ใช่จะถึงเฉพาะ สภาพธรรมะกันได้โดยง่าย เพราะสิ่งใดที่ได้มาอย่างง่ายๆ มักจะไม่ใช่ของแท้ (ยิ่งในยุคสมัยนี้) ก็ขออนุโมทนาครับ

กด like ให้ค่ะ

เพราะ "ความจริง" มีปรากฎให้รู้ได้อยู่ตลอดเวลา แต่ที่ไม่รู้เพราะ....ขาดปัญญาค่ะ



 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ