โทษของการด่าพระอรหันต์
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ 219
ด่าพระอรหันต์ด้วยอาการ ๔ มีโทษ
ครั้นเวลาเย็น เธอไปสู่ที่ที่พระเถระนั้นนอนแล้วด่าด้วยอาการ ๔ อย่างว่า "อาคันตุกะผู้มีอายุ ท่านเคี้ยวกินคูถ ประเสริฐกว่าการบริโภคภัตในเรือนของกุฎุมพี ท่านให้ถอนผมด้วยแปรงตาล ประเสริฐว่าการปลงผมด้วยช่างกัลบกที่กุฎุมพีนำมา ท่านเปลือยกายเที่ยวไป ประเสริฐกว่าการนุ่งผ้าสาฎกที่กุฏุมพีถวาย ท่านนอนเหนือแผ่นดิน ประเสริฐกว่าการนอนบนเตียง ... เพราะเธอทำกรรมประมาณเท่านี้. ก็ในกาลสิ้นอายุ เธอเกิดแล้วในอเวจี เสวยทุกข์เป็นอันมาก สิ้นพุทธันดรหนึ่ง ในพุทธุปบาทกาลนี้ เกิดในเรือนแห่งตระกูลซึ่งมีข้าวและน้ำมากแห่งหนึ่งในพระนครราชคฤห์
โทษของการด่าพระอรหันต์
จำเดิมแต่กาลที่เดินได้ด้วยเท้า เขาไม่ปรารถนาเพื่อจะนอนบนที่นอนทีเดียว ไม่ปรารถนาเพื่อจะบริโภคภัต เคี้ยวกินแต่สรีรวลัญชะ (อุจจาระ) ของตนเท่านั้น มารดาบิดาเลี้ยงทารกนั้นไว้ ด้วยสำคัญว่า "เด็กไม่รู้เพราะยังอ่อน จึงทำ" แม้ในเวลาเป็นผู้ใหญ่ เขาไม่ปรารถนา เพื่อจะนุ่งผ้า เป็นผู้เปลือยกายเที่ยวไป นอนบนแผ่นดิน เคี้ยวกินแต่สรีรวลัญชะของตนเท่านั้น
ที่มา ...
ไม่น่าเชื่อว่าผลของวจีทุจริต กรรมจะหนักถึงเพียงนี้ จำได้ว่ามีผู้ใหญ่เคยบอกว่า ด่าใครยังไง คนที่ด่าก็จะเป็นอย่างนั้น ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ปกติตัวเองก็ไม่ชอบพูดคำหยาบคาย และไม่ด่าใครอยู่แล้ว เว้นบางครั้งที่โทสะมากจริงๆ ก็หลุดออกมาบ้าง
ต่อไปจะตั้งใจสำรวมวาจาให้มากยิ่งขึ้นอีก ซึ่งที่จริงคงต้องเริ่มสังวรแม้ในขณะที่ขุ่นเคืองใจเพียงเล็กน้อย เพื่อมิให้โทสะสะสมมากขึ้นๆ จนมีกำลังปะทุออกมาเป็นวจีทุจริต และเพื่อจะได้ไม่ต้องรับวิบากที่ไม่พึงปรารถนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

