เสมอด้วยแผ่นดิน

 
sulphur
วันที่  28 ก.พ. 2554
หมายเลข  17960
อ่าน  1,072

การเจริญภาวนา มีใจเสมอด้วยแผ่นดิน คืออย่างไร ขอบคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chaiyut
วันที่ 28 ก.พ. 2554

ก่อนอื่นควรทราบครับว่า ภาวนา หมายถึง การอบรมความดีให้มากขึ้น โดยที่ความดีนั้นมาจากการเจริญขึ้นของปัญญาด้วย ไม่ใช่การทำ แต่มาจากความเข้าใจถูกที่เกิดจากการฟัง การศึกษาพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงครับ ซึ่งการที่ผู้ใดจะเจริญภาวนาโดยมีใจหนักแน่น ไม่หวั่นไหว เสมอด้วยแผ่นดินเสมอด้วยน้ำ เสมอด้วยไฟ และเสมอด้วยลม ได้นั้น ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่อบรมปัญญาถ้าไม่อบรมปัญญาก็ไม่สามารถจะถึงความเป็นผู้มีใจเช่นนั้นได้ และต้องอบรมจนกว่าจะค่อยๆ มีปัญญามากขึ้นด้วย จึงจะสามารถน้อมไปสู่ความเป็นผู้ไม่เดือดร้อน ไม่หวั่นไหวไม่อึดอัด ไม่ระอา ไม่เกลียดชัง เมื่อได้รับกระทบกับสิ่งต่างๆ ทั้งที่เป็นสิ่งที่น่าพอใจและ สิ่งที่ไม่น่าพอใจทั้งหลายได้ครับ

มูลเหตุของเรื่องนี้ คือ ในครั้งนั้น พระภิกษุรูปหนึ่ง ถูกชายจีวรของท่านพระ-สารีบุตร ปลิวไปกระทบตนเข้า จึงผูกอาฆาตท่านพระสารีบุตร และเมื่อพระภิกษุรูปนี้ ได้เห็นท่านพระสารีบุตรออกไปพร้อมกับภิกษุผู้เป็นบริวารของท่านเป็นอันมาก บังเกิดความริษยา จึงได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบสิ่งที่เกิดกับตน แต่สำหรับท่านพระสารีบุตรนั้น ท่านเป็นผู้มีปรกติเจริญกายคตาสติ (ระลึกรู้ธรรมที่ปรากฏที่กาย) ท่านไม่มีอกุศลจิต ไม่มีความหลงลืมสติ ท่านไม่มีเจตนาที่จะกลั่นแกล้งใคร และท่านจะไม่หลีกไปโดยไม่ขอโทษแน่นอน ถ้าหากว่าท่านได้มีการกระทำอย่างนั้นจริง เรื่องนี้เป็นเหตุให้ท่านพระสารีบุตรได้บันลือสีหนาท ประกาศถึงความอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างสูงยิ่งของท่านไว้อย่างไพเราะ คุณธรรมของท่านเป็นแบบอย่างที่ดีมากสำหรับผู้ที่ศึกษาพระธรรมทุกรุ่น ที่ควรจะเป็นอนุสสติ ใฝ่ใจให้ระลึกถึงบ่อยๆ เพื่อเตือนใจ ให้ตั้งจิตไว้ชอบ เพื่่อจะได้ศึกษาพระธรรม และน้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมที่ได้เข้าใจด้วยความเคารพ ด้วยความเป็นผู้ว่าง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เย่อหยิ่ง ไม่จองหอง ไม่ยกตนข่มผู้อื่น และเคารพในคุณธรรมของผู้ที่มีคุณธรรมครับ

ข้อความโดยละเอียดมีอยู่ใน วุฏฐิสูตร

ขอเชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ >> คุณสมบัติของผู้เจริญกายคตาสติ [วุฏฐิสูตร]

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chaiyut
วันที่ 28 ก.พ. 2554

อีกส่วนหนึ่ง เป็นอุปมาที่ทรงแสดงไว้ในพุทธการกธรรม ๑๐ ซึ่งพระโพธิสัตว์ในครั้งนั้น เมื่อได้รับการพยากรณ์แล้วจากพระพุทธเจ้าพระนามว่าทีปังกร ว่าท่านจะได้บรรลุถึงความเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้ในเวลาอีก ๔ อสงไขย แสนกัปป์ จากนั้นท่านจึงได้ค้นพบธรรมเครื่องบ่มเพาะเพื่อการบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณด้วยปัญญาของท่านเองครับ ท่านได้อุปมาการมีใจเสมอด้วยน้ำดังการอบรมเมตตาบารมี และอุปมาการมีใจเสมอด้วยแผ่นดิน ดังการอบรมขันติบารมี และ อุเบกขาบารมี บารมีที่พระโพธิสัตว์ได้อบรมเจริญแล้วทั้งหมดนั้น ล้วนมีสัมมาทิฏฐิเป็นประธาน คือ ประกอบด้วยปัญญาอันเป็นหัวหน้าของกุศลธรรมทั้งปวงครับ

ขอเชิญคลิกอ่านที่นี่ >> ว่าด้วยพุทธการกธรรม ๑๐ [ธรรมสังคณี]

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 28 ก.พ. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณchaiyut ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
พุทธรักษา
วันที่ 1 มี.ค. 2554

....................ขออนุโมทนา....................

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
aurasa
วันที่ 5 มี.ค. 2554

อนุโมทนากับทุกท่านค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ