จิต และ เจตสิกต่างกันอย่างไร
จิต และ เจตสิก เป็นนามธรรม ที่เป็นสภาพรู้ เช่นเดียวกัน เกิด - ดับ พร้อมกันเกิด - ดับ ที่เดียวกันรู้อารมณ์ เดียวกัน แล้วจะต่างกันอย่างไร ครับ
จิตและเจตสิกเป็นนามธรรมและมีสภาพรู้เหมือนกัน แต่จิตทั้งหมดมีกิจเดียว คือ เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์เท่านั้น ส่วนเจตสิกแต่ละประเภทมีกิจรู้อารมณ์ที่แตกต่างกัน เช่น ผัสสะ ทำกิจกระทบอารมณ์ เวทนาทำกิจเสวยอารมณ์ สัญญาทำกิจจำอารมณ์วิตกทำกิจตรึกหรือจรดในอารมณ์ ปัญญาทำกิจรู้ทั่ว เป็นต้น
จิต และ เจตสิก เป็นนามธรรม ที่เป็นสภาพรู้ เช่นเดียวกัน
อยากทราบว่า อะไร คือ สิ่งที่เป็นตัวรับรู้ของสิ่งที่ถูกรับรู้ครับ
สิ่งที่เป็นตัวรับรู้ คือ สภาพรู้ (นามธรรม) สิ่งที่ถูกรับรู้ (เรียกว่า "อารมณ์") คือ สภาพไม่ได้รู้ (คือ รู้ไม่ได้"รูปธรรม") ทั้ง จิต และ เจตสิก เป็นนามธรรม ดังนั้น ทั้งจิต และ เจตสิก จึงรู้ในอารมณ์แต่ ชื่อว่า จิต เพราะ รู้แจ้ง ใน อารมณ์
อยากรู้ว่าทั้งจิตและเจตสิกเขาจะรู้ตัวเองได้ไหมคะ (หมายถึงนามธรรม)
ข้อความในอัฎฐสาลินีว่า ...
ที่ชื่อว่า “จิต” เพราะอรรถว่า คิด อธิบายว่า รู้แจ้งอารมณ์
สภาพ “รู้” มีลักษณะต่างกันตามประเภทของสภาพธรรมนั้นๆ เช่น เจตสิก ก็เป็นสภาพธรรมที่รู้อารมณ์ แต่ไม่เป็นใหญ่ในการรู้อารมณ์ เจตสิกแต่ละประเภทเกิดขึ้นพร้อมกับจิต รู้อารมณ์เดียวกับจิต แต่ว่ากระทำกิจเฉพาะของเจตสิกนั้นๆ เช่น ผัสสเจตสิกเกิดร่วมกับจิต พร้อมกับจิต แต่ผัสสเจตสิกเป็นสภาพธรรมที่รู้อารมณ์โดยกระทบอารมณ์ ซึ่งถ้าผัสสเจตสิกไม่รู้อารมณ์ก็ย่อมไม่กระทบอารมณ์ แต่ไม่ใช่รู้แจ้งอารมณ์ ปัญญาเจตสิกเป็นสภาพธรรมที่รู้ธรรม เห็นธรรมถูกต้องตามความเป็นจริง เช่น รู้ลักษณะที่ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล ของสิ่งที่กำลังปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ
แต่จิตซึ่งเป็นสภาพรู้นั้น มีคำอธิบายว่า รู้แจ้งอารมณ์ จึงไม่ใช่การรู้อย่างผัสสะที่กระทบอารมณ์ ไม่ใช่การรู้อย่างสัญญาที่จำหมายลักษณะของอารมณ์ ไม่ใช่การรู้อย่างปัญญา แต่จิตเป็นสภาพที่รู้แจ้งในลักษณะต่างๆ ของอารมณ์ที่ปรากฏสิ่งที่กำลังปรากฏทางตาในขณะนี้ต่างกันไหม สภาพธรรมเป็นสัจจธรรม เป็นสิ่งซึ่งพิสูจน์ได้ ขณะนี้เห็นสิ่งเดียว สีเดียวหมดหรือเห็นสิ่งที่กำลังปรากฏเป็นสีต่างๆ อย่างละเอียดจนทำให้รู้ความต่างกันได้ว่า สิ่งที่เห็นนั้นเป็นเพชรแท้หรือเพชรเทียม เป็นต้น จิตเป็นสภาพที่เห็นแจ้ง คือ รู้แจ้งแม้ลักษณะที่ละเอียดต่างๆ ของอารมณ์ต่างๆ อุปมาเหมือนกระจกเงาที่ใสสะอาดไม่ว่าสิ่งใดจะผ่านก็ย่อมปรากฏเงาในกระจกฉันใด ขณะนี้จักขุปสาทเป็นรูปซึ่งมีลักษณะประดุจใสพิเศษสามารถกระทบสิ่งที่ปรากฏทางตา โสตปสาทสามารถกระทบเฉพาะเสียง ฆานปสาทสามารถกระทบเฉพาะกลิ่น ชิวหาปสาทสามารถกระทบเฉพาะรส กายปสาทสามารถกระทบเฉพาะรูปที่กระทบกาย
ฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นสีสันวัณณะอย่าง ใดๆ ก็ตาม จะเป็นสีเพชรแท้ เพชรเทียม หยก หิน หรือแม้สีแววตาที่ริษยา ก็ปรากฏให้จิตเห็นได้ทั้งสิ้น ขณะนี้สิ่งที่กำลังปรากฏทางตาปรากฏกับจิตที่รู้แจ้ง ไม่ว่าสิ่งที่ปรากฏนั้นมีลักษณะอย่างไร จิตก็รู้แจ้งในลักษณะที่ปรากฏนั้นๆ คือ เห็นสีสันต่างๆ ทั้งหมดของสิ่งต่างๆ ที่ปรากฏ จึงทำให้รู้ความหมาย รู้รูปร่างสัณฐานและแนวคิดนึกถึงสิ่งที่ปรากฏทางตาได้
ดาวน์โหลดหนังสือ -->

