ถ้าระลึกถึงกรรม และ ผลของกรรม

 
pirmsombat
วันที่  10 พ.ย. 2553
หมายเลข  17507
อ่าน  1,630

ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ท่านอาจารย์ ทุกคนเกิดมาแล้วมี โลภะ ในธรรมภายใน ในธรรมภายนอก ธรรมภายในดือ ที่ตัว มีความพอใจในชันธ์ ที่เป็นของเรา มีใครไม่ต้องการบ้างไหมคะ นามธรรมและ รูปธรรมที่ตัวทีถือว่า เป็นของเรา บางคนพอใจแม้แต่ชื่อของเราด้วย ใช่ไหมคะ ชื่อเป็นเพียงแต่บัญญัติให้รู้ว่า หมายความถึง ขันธ์ ๕ ซึ่งสมมติว่าเป็น บุคคลใด เท่านั้นเองค่ะ มีทั้งชื่อเล่นทั้งชื่อจริง มีทั้งที่คนอื่นตั้งสมัญญาให้ แต่แม้อย่างนั้น เพียงบัญญัติ โลภะก็ยังพอใจได้ ในชื่อ ว่าเป็นชื่่อ "เรา"

เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นได้ว่า ความพอใจด้วยโลภะ มีทั้งใน ปรมัตถธรรม ในภายในที่ตัวเอง มีทั้งบัญญัติ และมีทั้งภายนอกด้วย

สำหรับความสำคัญตน หรือเราด้วยมานะ เป็นเฉพาะภายใน คือ ที่ตัวเราหรือแต่ละบุคคลเท่านั้น สำหรับความเห็นผิดว่านั่นเป็นตัวเรา ก็มีทั้งภายในและภายนอกด้วยสำหรับมานะอื่นๆ นอกจาก อัสมิมานะ ก็มีสมบัติ และ วิบัติ ของคนอื่น เป็นวัตถุคือเป็นสี่งที่ทำให้เกิด แต่ว่าสำหรับอัสมิมานะ นั้นก็มี โลภะมูลจิต เป็นเหตุใกล้ให้เกิด เพราะว่าเป็นความสำคัญตน ใน นามธรรม และ รูปธรรม ที่เกิดขึ้น

ท่านผู้ฟังเคยมีความสำคัญตนด้วยมานะไหมคะ เคยคิดได้บ้างไหมคะว่าในขณะไหน ในวันหนึ่งๆ ที่มีความสำคัญตนว่าเรา พอมีคำว่า เรา สังเกตได้เลยว่า ด้วยความพอใจ หรือด้วยความทนง ด้วย ความสำคัญตน หรือว่าด้วยความเห็นผิด ปกติแล้วก็จะเป็น โลภะมูลจิต ทิฏฐิคตวิปยุตต์ ซึ่งไม่ประกอบด้วยความเห็น

เพราะฉะนั้นก็ เป็นเราหรือของเราด้วยควาพอใจ ซึ่งเป็นโลภะมูลจิต ทิฏฐิคตวิปยุตต์หรือในบางขณะก็เป็นเราด้วยความสำคัญตน คือเป็นมานะเจตสิกซึ่งเกิดร่วมกับโลภะ-มูลจิต ทิฏฐิคตวิปยุตต์ในขณะนั้น สำคัญตนว่าเป็นเราในรูปธรรมได้ไหมคะคือความพอใจในรูปธรรมด้วยโลภะ มีแน่นอนนี่แต่ละท่านมี ตั้งแต่ศีรษะตลอดเท้า ก็มีความพอใจในผม ในหน้า ในคี้ว ในตา ในเล็บ ในมือ ในเท้า ทุกสี่งทุกประการ นั่นคือ ความพอใจในรูปธรรมว่าเป็นเรา เราเป็นอย่างนี้ ของเราเป็นอย่างนั้น และสามารถที่จะมีความสำคัญตน ทนงตน ในรูปธรรมที่ถือว่าเป็นเราได้ไหม มีไหมคะ ตำราดูลักษณะ ศีรษะอย่างนั้น หน้าผากอย่างนี้ ตา จมูก คาง ต่างๆ เหล่านั้น นี่คือเราได้ไหมคะ หน้าผากเราไม่เหมือนของคนอื่น เมื่อมีความยินดีพอใจแล้ว ย่อมทำให้มีความสำคัญในสี่งซึ่งพอใจนั้นเพี่มขึ้น ด้วย มานะ หรือความสำคัญตน ในการแต่งตัวมีมานะได้ไหมคะ แต่งตัวเพราะพอใจ ด้วยความสวยงามเพราะว่าทุกคนก็ต้องชอบ สี่งที่นาดู สี่งที่สวยงาม นั่นก็ด้วยความพอใจที่เป็นโลภะ แต่ว่าตกแต่งประดับประดา ค้วยมานะได้ไหม เพ ชรนิลจินดาต่างๆ บางท่านก็บอกว่าไม่ใส่ไม่ได้ เพราะว่าคนอื่นจะมองดู ว่าท่านผู้นี้ไม่มีสมบัติอะไรเลย เพราะฉะนั้น ในบางงานก็จำเป็นต้องประดับประดา ตบแต่งด้วยเครื่องเพชรนิลจินดาต่างๆ ในขณะที่เป็นอย่างนั้นพอที่จะระลึกได้ไหมว่า ในขณะนั้น ด้วยโลภะ หรือด้วยมานะ หรือว่าทั้งสองอย่างโลภะก็สวยนะคะ แก้วแหวนเงินทองต่างๆ สวย แต่เวลาใส่แล้ว นอกจากความสวยงามแล้วยังเพี่มความสำคัญตน ความทนงตนขึ้นอีกหรือเปล่า

เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้นะคะว่าทุกอย่างที่ปัญญาไม่ได้เกิดขึ้น พิจารณารู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริงย่อมจะเป็นปัจจัยให้โลภะมูลจิตอยู่ตลอดเวลาในชีวิตประจำวัน แล้วการที่จะละคลายความพอใจ หรือดวามสำคัญตน จะมีได้เมื่อไร ถ้าเป็นผู้ที่มากมาย ด้วย ทรัพย์สมบัติ แก้วแหวนเงินทอง สี่งต่างๆ มีทางที่จะละคลายมานะได้ไหมคะหรือว่าไม่มี ต้องมีนะคะ ถ้าระลึกถึงกรรม และผลของกรรม เท่านั้นเองค่ะ คือสภาพธรรมทุกอย่างที่เป็นวิบากที่จะปรากฏ ทางตา......ทางกาย ต้องเป็นผลของกรรมที่ได้กระทำแล้ว

ถ้าเป็นผลของกุศลกรรมก็จะได้รับทุกสี่งทุกอย่าง ทั้งรูปสมบัติ ทั้งทรัพย์สมบัติ และปราศจากโรคภัย ไข้เจ็บต่างๆ มีความสุข ความสบาย พร้อมมูลทุกประการ แต่ถ้าเกิดการวิบัติขึ้นในขณะใด ก็ให้ทราบว่าในขณะนั้นก็เป็นผลของกรรม เพราะว่าทุกสี่งทุกอย่าง ไม่เที่ยงต้องเปลี่ยนแปลงไปตามกรรม ซึ่งเป็นปัจจัยด้วย

เพราะฉะนั้นถ้ามีทรัพย์สมบัติและก็รู้ว่าเป็นผลของกรรม จะไม่มีมานะก็ได้ถึงแม้ว่า จะประดับประดา ตกแต่งด้วยเหรียญตรา เครื่องยศต่างๆ ก็รู้ว่าเป็นเพียงสิ่งซึ่งเกิดขึ้นเป็นไป ลาภ สักการะ ยศศักดิ์ต่างๆ ก็ตามกรรมที่ได้กระทำไว้ แล้วก็ไม่เที่ยงด้วยก็มีการที่จะ เสื่อมลาภ เสื่อมยศได้ หรือว่าการสี้นสุดความเป็นบุคคลนั้น จะทำให้สูญสี้น ในลาภ ยศ สักการะ ต่างๆ

แม้แต่ในการรัปประทานอาหาร ซึ่งเป็นชีวิตประจำวัน ด้วยโลภะ ธรรรมดาก็ได้ หรือว่าด้วยมานะได้ไหมคะ บางท่านต้องรัปประทานอาหารร้อนๆ สุกใหม่ๆ เพราะว่า คนอย่างเรา จะรับประทานอาหารเย็นๆ ชืดๆ ไม่ได้ ในขณะนั้นก็ต้องเพราะความสำคัญตน แต่ถ้าขณะขวนขวายที่จะปรุงอาหาร ให้ร้อนด้วยความพอใจเท่านั้น เพราะว่าเป็นผู้ที่ติดในรสที่อาหารต้องร้อน ในขณะนั้นก็เป็น โลภะมูลจิต ซึ่งไม่ใช่ประกอปด้วยความสำคัญตน แต่ว่าจะมีความสำคัญตนเกิดร่วมด้วย ถ้ามีความสำคัญว่า "เรา" จะบริโภคอาหารเย็นๆ ชืดๆ อย่างนั้นไม่ได้


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
สมศรี
วันที่ 11 พ.ย. 2553
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Jans
วันที่ 11 พ.ย. 2553
กราบอนุโมทนาคะ
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 11 พ.ย. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Yongyod
วันที่ 12 พ.ย. 2553

ขอขอบพระคุณ และอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เมตตา
วันที่ 12 พ.ย. 2553

เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้นะคะว่า ความพอใจด้วยโลภะ มีทั้งใน ปรมัตถธรรม ในภายในที่ตัวเอง มีทั้งบัญญัติ และมีทั้งภายนอกด้วย

สำหรับความสำคัญตนหรือเราด้วยมานะ เป็นฉะเพาะภายในคือที่ตัวเราหรือ แต่ละบุคคลเท่านั้น

กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
สมศรี
วันที่ 12 พ.ย. 2553

กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ การทำกุศลบางครั้งก็ยากที่จะจำแนกว่ามีความสำคัญตนว่าเป็นเราด้วยมานะหรือไม่ ตัวอย่างเช่น การถวายของพระก็ควรถวายด้วยตัวเองจึงจะได้บุญมาก บางท่านบอกว่าตั้งใจถวายแล้ว ใครจะถวายก็ได้ ก็ได้บุญ แต่ถ้าพิจารณาว่าการถวายของพระด้วยตัวเองเป็นบุญมากกว่าการฝากให้ผู้อื่นถวายให้ ก็ยังไม่ชัดเจน ทำบุญอย่างไรจึงประกอบด้วยปัญญา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
คุณ
วันที่ 12 พ.ย. 2553

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เมตตา
วันที่ 13 พ.ย. 2553

ขอเรียนถามท่านวิทยากรว่า อัสมิมานะ มีองค์ธรรมคือ มานะเจตสิก ใช่หรือไม่คะ

ขอบพระคุณค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pirmsombat
วันที่ 14 พ.ย. 2553

ผมไม่ได้เป็นวิทยากร แต่ขอตอบว่า ใช่ ครับ ขออภัยด้วย

ขอบคุณและอนุโมทนาทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 17 พ.ย. 2553

ขออนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
pamali
วันที่ 18 พ.ย. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ