การโกหก ให้เป็นกุศลมีใหมครับ

 
chaiyakit
วันที่  1 ส.ค. 2553
หมายเลข  16843
อ่าน  1,622

การโกหก ให้เป็นกุศลมีใหมครับ คือสมมติมีผู้ใหญ่ถามเราว่า..สบายดีมั๊ย ทั้งๆ ที่เราไม่ค่อยสบาย แต่เรา..ก็ตอบไปว่าสบายดี เพื่ออย่าให้เขาเป็นห่วงเรา.... หรือจะมีคนมาทำร้ายคนที่เรารู้จัก เขามาถามเรา แต่เราตอบไปว่าเราไม่รู้จัก อย่างนี้ถือว่า...เป็นกุศลหรือป่าวครับ.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 2 ส.ค. 2553
ขณะที่พูดโกหก จิตเป็นกุศลไม่ได้ครับ ขณะที่มีเจตนาดี หวังดีต่อผู้อื่นจิตเป็นกุศล แต่สภาพจิตเกิดดับสลับกันอย่างรวดเร็วมาก ขณะที่พูดโกหกเป็นจิตขณะหนึ่ง ขณะที่หวังดีเป็นจิตอีกขณะหนึ่งดังนั้นในแต่ละเหตุการณ์มีจิตเกิดดับสลับกันเป็นจำนวนมากจึงควรเป็นผู้ละเอียดในการศึกษาพระธรรมคำสอนให้เข้าใจครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
แก่นไม้หอม
วันที่ 2 ส.ค. 2553

ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
รากไม้
วันที่ 2 ส.ค. 2553

ความจริง 1 อย่าง สามารถพูด "ปรุงแต่ง" แตกแขนงให้เป็นความไม่จริงได้ หลายสิบอย่าง ถ้าเรา มีความรัก มีความเป็นมิตร ให้เกียรติ และหวังดี กับผู้หนึ่งผู้ใด ...เราจะไม่อยากโกหกกับคนๆ นั้นเลย

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 2 ส.ค. 2553

การพูดโกหก มีโทษมาก ถ้าทำให้ผู้อื่นเสียหาย แต่ถ้าพูดโกหกเพื่อให้เขา

สบายใจ ไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ก็มีโทษน้อย และอกุศลก็เกิดสลับ

กับกุศลอย่างรวดเร็ว ปุถุชนมีศีลไม่มั่นคง บางคนศีลมีที่สุดเพราะญาติ บาง

คนศีลมีที่สุดเพราะทรัพย์ บางคนศีลมีที่สุดเพราะชีวิต เป็นต้นค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chaiyakit
วันที่ 3 ส.ค. 2553

.............ขอขอบคุณสำหรับความกระจ่าง..และขออนุโมทนาขอรับ....................

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ajarnkruo
วันที่ 3 ส.ค. 2553

กรณีแรก

ถ้าคิดว่าการบอกว่า "ไม่สบาย" จะทำให้คนอื่นเป็นห่วง เดือดร้อน ก็ควรจะเลี่ยงไม่ตอบหรือนิ่งไว้ ถ้าอดพูดไม่ได้ก็อาจจะถามกลับเขาไปว่าเขาล่ะสบายดีไหม หรือเราก็ตอบความจริงว่า "ก็สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ตามประสา" หรือ "ก็เรื่อยๆ " เพราะเราคงไม่ได้เจ็บไปทั้งวัน คงมีบ้างที่จะมีขณะของความสุขกายหรือสุขใจ เกิดสลับกับความทุกข์กายหรือทุกข์ใจที่ประสบอยู่ หรือเราอาจจะชวนคุยเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับสุขภาพที่ย่ำแย่ของเราและเป็นประโยชน์กว่าคือเป็นไปในทางกุศล เช่น ชวนอีกฝ่ายสนทนาธรรม เป็นต้นครับกรณีหลัง

การรักษาประโยชน์ให้ผู้อื่น มีหลายหนทางที่จะไม่เสียประโยชน์ของตนเอง การโกหกเป็นอกุศลกรรม ทำไปแล้วให้คนอื่นมารับผลของกรรมนี้ไม่ได้ เราจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมตามที่ตนได้กระทำไว้ และที่เลวร้ายกว่าคือการโกหกเป็นการทำลายสัจจะของตนเอง การโกหกเหมือนเป็นการขุดเหง้าความดีของตนเองทิ้ง ทำให้ไม่เป็นที่น่าเชื่อถือ และการสะสมการโกหกแม้เล็กๆ น้อยๆ ไว้ ต่อไปภายหน้าก็อาจจะกระทำกรรมหนักกว่านี้ได้ เพราะฉะนั้น ไม่ควรโกหกไม่ว่าจะจำเป็นหรือไม่จำเป็นก็ตาม ถ้าอยู่ในวิสัยจะห้ามฝ่ายที่จะทำร้ายได้ก็ควรรีบห้าม ถ้าอยู่ในวิสัยที่จะช่วยผู้ที่กำลังจะถูกทำร้ายได้ก็ควรรีบช่วย แต่ถ้าไม่อยู่ในวิสัยจะห้ามใครหรือจะช่วยใครได้เลย นิ่งได้ก็นิ่งเสียการนิ่งหรือวางเฉยนั้นไม่ได้แปลว่าเป็นคนโง่ แต่เป็นการไม่หวั่นไหว เพราะรู้ว่าสัตว์โลกมีกรรมเป็นของๆ ตน ชื่อว่ารักษาประโยชน์ให้กับทุกฝ่าย ทั้งกับผู้อื่นคือไม่บอกสิ่งไม่จริงและกับตนเองคือไม่พูดโกหก ขณะนั้นเป็นกุศล ขอให้ศึกษาพระธรรมเพื่อเข้าใจโดยละเอียดต่อไปนะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
สมศรี
วันที่ 3 ส.ค. 2553

ขอเรียนถามว่า ถ้าขณะพูดโกหก ก็มีสติระลึกรู้ว่า คำพูดนั้นก็เป็นเพียง บัญญัติธรรม เป็นปัจจัยให้จิต เจตสิกเกิดขึ้น ขณะนั้นก็เป็นเพียงนามธรรมประเภทหนึ่ง ได้ไหมคะขอบคุณค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
prachern.s
วันที่ 3 ส.ค. 2553

เรียนความเห็นที่ ๗

ส่วนใหญ่ เวลาพูดโกหกแล้วจะตามด้วยอกุศลจิตมากมายครับ

ที่ถามว่า มีสติระลึกรู้ได้ไหม ตอบว่า ได้ แต่ถ้าสติระลึกรู้จะไม่พูดโกหก..

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
wannee.s
วันที่ 4 ส.ค. 2553

ขณะที่สติเกิดเป็นไปในทาน ในศีล ในภาวนา ขณะที่หลงลืมสติ

ขณะนั้นเป็นอกุศลจิต เป็นโลภะ หรือโทสะ หรือโมหะ ฯลฯ ค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ