อกุศลวิตก 3 ประการ

 
opanayigo
วันที่  18 มิ.ย. 2553
หมายเลข  16513
อ่าน  5,952

00248 อกุศลวิตก ๓ ประการ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อกุศลวิตก ๓ ประการ ๓ ประการ เป็นไฉนคือ วิตกประกอบด้วย การไม่ให้ผู้อื่นดูหมิ่นตน ๑ วิตกประกอบด้วยลาภสักการะและความสรรเสริญ ๑ วิตกประกอบด้วยความเอ็นดูในผู้อื่น ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อกุศลวิตก ๓ ประการ นี้แล

ธรรมเตือนใจวันที่ : 22 ม.ค. 2548


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
opanayigo
วันที่ 18 มิ.ย. 2553

เพราะประสบอกุศลวิตก 3 ประการ เพราะได้รับโทษแห่งความไม่รู้ จึงศึกษาเพื่อขัดเกลาความไม่รู้ เพื่อเข้าใจ (แม้ละอะไรไม่ได้เลย) เมื่อมีเหตุปัจจัย ก็ต้องเกิด เพราะสะสมมาที่จะเป็นเช่นนั้น

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 19 มิ.ย. 2553

ขออนุญาตเรียนถามว่า ที่ว่า เพราะประสบอกุศลวิตก ๓ ประการ เมื่อมีเหตุปัจจัย ก็ต้องเกิดอกุศลวิตกจะเป็นวิบากจิต หรือเปล่าครับ การให้พ้นไปจากอกุศลวิตกดังกล่าว เกิดจากเหตุปัจจัยใดครับ

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 19 มิ.ย. 2553

อกุศลวิตกไม่ใช่วิบากจิต อกุศลวิตก คือวิตกที่เป็นไปในอกุศล ในกาม ในการเบียดเบียน ฯลฯ การที่จะพ้นจากอกุศลวิตก หนทางเดียวคือ อบรมเจริญปัญญา อบรมเจริญกุศลทุกประการค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เมตตา
วันที่ 19 มิ.ย. 2553

ขอร่วมสนทนาด้วยค่ะ อกุศลวิตกเป็นอกุศลจิตที่มีวิตกเจตสิกตรึกหรือจรดไปในอารมณ์ที่ดีบ้างไม่ดีบ้างจิตขณะนั้นเป็นไปกับอกุศลจิต ไม่ใช่วิบากจิต จิตทุกประเภทต้องมีปัจจัยปรุงแต่งจึงเกิดขึ้นได้ และการอบรมความเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมจะเป็นปัจจัยให้ค่อยๆ ละอกุศลวิตกได้ จนกว่าจะเป็นพระอรหันต์จึงจะดับอกุศลวิตกได้เป็นสมุจเฉท

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เมตตา
วันที่ 19 มิ.ย. 2553

ขอยกข้อความบางตอนจากหนังสือปรมัตถธรรมสังเขป

อุปมาวิตกเจตสิกเหมือนเท้าของโลก วิตกเจตสิกซึ่งจรดหรือตรึกในอารมณ์นั้นเหมือนเท้าของโลก เพราะทำให้โลกก้าวไป (โดยจิตเกิดขึ้นเป็นไป) ตามวิตกเจตสิกนั้นๆ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ajarnkruo
วันที่ 19 มิ.ย. 2553

ศึกษาธรรมเพื่อเข้าใจว่า วิตกเจตสิกเป็นธรรมะอย่างหนึ่ง เราไม่มีทางจะไปละสิ่งที่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่งให้เกิดแล้วดับได้เลยแม้สักขณะเดียว แต่ปัญญาที่สะสมมากขึ้นๆ จากการฟังต่างหาก ที่จะค่อยๆ เข้าใจถูกในธรรมะแต่ละอย่างในชีวิตประจำวัน และรู้ความจริงตรงตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงตามลำดับขั้น สำคัญกว่าคือ เข้าใจให้ถูกว่าสิ่งนั้นที่มีจริง เป็นธรรม ไม่ใช่เรา แม้วิตกก็ไม่ใช่เรา จะมีปัจจัยปรุงแต่งให้แต่ละขณะเป็นไปกับกุศลวิตก หรืออกุศลวิตกก็ตาม ทั้งหมดล้วนเป็นธรรมะ เกิดแล้วดับ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 20 มิ.ย. 2553

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านที่ให้ความกระจ่างครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 21 มิ.ย. 2553

อกุศลวิตก 3 ประการ น่าสนใจเป็นความละเอียดของพระธรรมที่มีจริงในชีวิตประจำวันบุคคลถกวิตกทั้ง ๓ เหล่านี้ ครอบงำ ย่อมเป็นผู้ห่างไกลจากความสิ้นไปแห่งสังโยชน์วิตกประกอบด้วยการไม่ให้ผู้อื่นดูหมิ่นตน ๑ การไม่ถูกดูหมิ่น เพราะความที่ตนไม่ถูกผู้อื่นดูหมิ่นคือ ไม่ถูกดูแคลนคือ อิจฉาจารที่เป็นไปแล้วอย่างนี้ว่า ไฉนหนอ คนเหล่าอื่นไม่พึงดูหมิ่นเรา ดังนี้ คือ การเกี่ยวข้องอันประกอบด้วยการไม่ถูกดูหมิ่นนั้น หรือวิตกอันปฏิสังยุตด้วยการไม่ดูหมิ่น ซึ่งปรารภการคลุกคลีนั้นเป็นไปแล้ว เพราะฉะนั้นคำว่า อนวญฺตฺติ นี้ เป็นชื่อของวิตกที่ผู้ดำรงอยู่ในอิจฉาจารให้เป็นไปแล้ว เพราะต้องการความยกย่องว่า กระไรหนอ คนเหล่าอื่นทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิต จะไม่พึงเหยียดหยามเราให้ต่ำต้อย

เชิญคลิกอ่าน วิตกทั้ง ๓ [อรรถกถาวิตักกสูตร]

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
paderm
วันที่ 21 มิ.ย. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ruttikarn
วันที่ 15 ก.ค. 2553

ขอบพระคุณทุกท่าน โดยเฉพาะคุณความเห็นที่ ๖ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
พุทธรักษา
วันที่ 15 ก.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ