สิ่งที่ไม่ควรคิด

 
ประวิทย์พลีไพร
วันที่  1 มิ.ย. 2553
หมายเลข  16363
อ่าน  1,972

ขอท่านผู้รู้ช่วยตอบหน่อยครับ สิ่งที่ไม่ควรคิดมีสิ่งใดบ้างครับ

ขอบพระคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 1 มิ.ย. 2553
สิ่งที่ไม่ควรคิดมีมากครับ โดยย่อคือ ไม่ควรคิดเป็นไปกับอกุศล ควรคิดเป็นไปกับกุศลตัวอย่างความคิดอกุศล เช่น ความคิดตระหนี่หวงแหนไม่เอื้อเฟื้อไม่แบ่งสิ่งของให้ใครๆ ไม่ควรคิดฆ่าหรือเบียดเบียนทำร้ายสัตว์อื่น ไม่ควรคิดลักทรัพย์ของผู้อื่นแม้เพียงเล็กน้อย ไม่ควรคิดก้าวล่วงบุตรภรรยาของผู้อื่น ไม่ควรคิดพูดไม่จริง ไม่ควรคิดดื่มสุราของมึนเมาไม่ควรคิด พูดคำหยาบ พูดส่อเสียดให้ผู้อื่นแตกกัน พูดเพ้อเจ้อ ไม่ควรคิดเพ่งเล็งอยากได้สิ่งของผู้อื่น ไม่ควรคิดโกรธแคนพยาบาทผู้อื่น ไม่ควรคิดมิจฉาทิฏฐิ เช่น บุญบาปไม่มีผล โลกเที่ยง โลกไม่เที่ยง ตายแล้วสูญ เป็นต้น ควรคิดในทางกุศล เช่น คิดให้ทาน รักษาศีลฟังธรรม เจริญภาวนา ฯลฯ
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ประวิทย์พลีไพร
วันที่ 1 มิ.ย. 2553

ผมเคยได้ยินมาว่าสิ่งที่ไม่ควรคิดมีอยู่ 4 อย่างที่เรียกว่า อจินไต4 [อจินไต พิมพ์ไม่ถูก

ขออภัยด้วย] ได้แก่ เช่น เรื่อง โลกเราไม่ควรคิด

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 1 มิ.ย. 2553
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 1 มิ.ย. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
homenumber5
วันที่ 1 มิ.ย. 2553

ตามปกติ คนปุถุชนเราๆ นี้ นั้นปฏิสนธิด้วยจิตอกุสล 12 และอเหตุกจิต 18

คิดอะไรก็เป็นไปตามอกุสลมากกว่ากุสล

มีอาจารย์ท่านนึงสอนว่าให้ท่องพระพุทธพจน์ตลอดเวลาที่ว่างอย่าไปคิด การคิดสร้างรูปและภพภูมิให้อยู่ในสังสารวัฏฏตลอดไป ออกจากสังสาวัฏฏยากดังนั้นควรท่องพระรรมวินัยเช่น ท่องจิตในพระอภิธรรมทั้ง121 เจตสิก 52 รูปท่องบทอภิธรรม 7 บท ท่องอนัตตลักขณสูตร อาทิตยายาสูตร พระธัมมจักกัปปวัตนสูต ท่องทุกอย่างที่เป็นพระธรรมวินัยหากท่องไม่ได้ก็ฟังเทปธัมมะที่อ่านพระไตรปิฎก ขอให้เป็นพระไตรปิฏกแท้ ไม่ใช่แปลงมา

ท่านผู้สิกขาธัมท่านใดมี่ความเห็นอย่างไรคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
jaran
วันที่ 2 มิ.ย. 2553

การอ่านหนังสือธรรมะก็เป็นการคิดดีในขณะที่อ่านครับ

ขอขอบคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ไพรสณฑ์
วันที่ 2 มิ.ย. 2553

ไม่คิดเบียดเบียนผู้อื่น , ไม่คิดอาฆาตพยาบาท , ไม่คิดในแง่ร้ายต่อผู้อื่น เป็นความ

หมดจดแห่งจิต จึงควรทำให้เกิดในความรู้สึกอยู่เสมอ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ประวิทย์พลีไพร
วันที่ 3 มิ.ย. 2553

แล้วการที่เราคิดเป็นอกุศลอย่างแรงจะมีผลเป็นกรรมได้ไหมครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
prachern.s
วันที่ 3 มิ.ย. 2553
ความคิดที่เป็นอกุศลที่มีกำลัง ย่อมเป็นอกุศลกรรมบถได้เช่นกันครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 13 มิ.ย. 2553
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 16363 ความคิดเห็นที่ 5 โดย homenumber5

ตามปกติ คนปุถุชนเราๆ นี้ นั้นปฏิสนธิด้วยจิตอกุสล 12 และอเหตุกจิต 18

คิดอะไรก็เป็นไปตามอกุสลมากกว่ากุสล

มีอาจารย์ท่านนึงสอนว่าให้ท่องพระพุทธพจน์ตลอดเวลาที่ว่างอย่าไปคิด การคิดสร้างรูปและภพภูมิให้อยู่ในสังสารวัฏฏตลอดไป ออกจากสังสาวัฏฏยากดังนั้นควรท่องพระรรมวินัยเช่น ท่องจิตในพระอภิธรรมทั้ง121 เจตสิก 52 รูปท่องบทอภิธรรม 7 บท ท่องอนัตตลักขณสูตร อาทิตยายาสูตร พระธัมมจักกัปปวัตนสูต ท่องทุกอย่างที่เป็นพระธรรมวินัยหากท่องไม่ได้ก็ฟังเทปธัมมะที่อ่านพระไตรปิฎก ขอให้เป็นพระไตรปิฏกแท้ ไม่ใช่แปลงมา

ท่านผู้สิกขาธัมท่านใดมี่ความเห็นอย่างไรคะ


เรียนท่านบ้านเลขที่ ๕ ค่ะ,

จิตที่ทำกิจปฏิสนธิมีทั้งหมด ๑๙ ดวงค่ะ ซึ่งได้แก่

กามาวจรวิบาก ๑๐ ดวง (มหาวิบาก ๘, อุเบกขาสันตีรณกุศลวิบาก ๑ และอุเบกขาสันตีรณอกุศลวิบาก ๑)

รูปาวจรวิบาก ๕

อรูปาวจรวิบาก ๔

ปุถุชนจึงปฏิสนธิได้ทั้งในกามภพ รูปภพและอรูปภพค่ะ

ส่วนการท่องก็คือการคิดเป็นคำๆ นั่นแหละค่ะ

เข้าใจสิ่งที่ท่องน่าจะเป็นประโยชน์กว่า

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
kch
วันที่ 15 มิ.ย. 2553

สิ่งที่ไม่ควรคิด อย่าไปเสียเวลาไปคิดเลยว่ามีอะไรบ้าง

ให้เอาเวลาที่เหลืออยู่ของชีวิตไปคิดแต่สิ่งที่ควรคิดจะได้ประโยชน์กว่า

วันเวลาผ่านไปแต่ละวัน ให้เรียนรู้แต่สิ่งที่เป็นไปในทางกุศล

ขอ อนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
homenumber5
วันที่ 16 มิ.ย. 2553

เรียนท่านความเห็นที่10

ขอบพระคุณที่ชึ้แนะค่ะ

สำหรับสิ่งที่ดิฉันเสนอไปนั้นดิฉันเข้าใจว่าคนปกติ สุคติอเหตุกบุคคล แบบเรานี่ค่ะ ไม่ได้หมายถึง รูปพรหม อรูปพรหม

พวกเราที่เดินดินและเข้ามาสนทนาธรรมนี้ดิฉันเองเข้าใจว่าส่วนมากเป็นกลุ่มสุคติ

อเหตุกบุคคลน่ะค่ะ อันนี้เกี่ยวโยงไปถึง บุคคล 12 กลุ่ม ตั้งแต่ ทุขคติอเหตุกบุคคล สุคติอเหตุกบุคคล ทวิเหตุกบุคคล ติเหตุกบุคคล และโลกุตรบุคคล

ดิฉันเข้าใจว่าสุคติอเหตุกบุคคล คงไม่ได้ปฏิสนจาก จิตกลุ่มญาณสัมปยุตมหาวิปากจิต

เพราะเข้าใจว่า ผู้ที่เกิดด้วยญาณสัมปยุตมหาวิปากจิตนั้นน่าจะเป็นติเหตุกบุคคลคือรอฟังธรรมพระพุทธเจ้าแล้วบรรลุเป็นอริยบุคคลเลย

ท่านใดช่วยชี้แจงหน่อยสิคะ

น่าจะเป็นทุกเรื่องที่นอกเหนือจากการสร้างบุญกิริยาวัตถุ10 จะดีไหมคะ

ตั้ง แต่ ทานมัย ศีลมัย ...

ทีนีจะสร้างให้ถูกต้องต้องรู้พระรรมวินัยสิคะพระพุทธองค์ทรงอนุญาติให้ทำอย่างไรบ้างไม่ใช่แปลงจนไม่มีอะไรเหมือนในพระธรรมวินัย

ข้อนี้ท่านอาจารย์praderm

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
homenumber5
วันที่ 16 มิ.ย. 2553
ขอประทานโทษค่ะเขียนยังไม่จบ

ทีนีจะสร้างบุญกิริยาวัตถุ10 ให้ถูกต้องต้องรู้พระธรรมวินัยสิคะพระพุทธองค์ทรงอนุญาติให้ทำอย่างไรบ้างไม่ใช่แปลงจนไม่มีอะไรเหมือนในพระธรรมวินัย

ข้อนี้ท่านอาจารย์pradermช่วยชี้แนะด้วยค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
paderm
วันที่ 16 มิ.ย. 2553

เรียนความเห็นที่12 และ 13

การศึกษาพระธรรมวินัยด้วยความแยบคาย ด้วยความเข้าใจถูกย่อมทำให้กุศลประการ

ต่างๆ คือบุญกิริยาวัตถุประการต่างๆ เจริญขึ้น โดยไม่ต้องไป ทำ แต่ธรรมจะทำหน้าที่ปรุง

แต่งเองให้กุศลเกิดขึ้นเมื่่อปัญญาเจริญขึ้น แต่ขอแนะนำอย่างหนึ่งครับว่า การศึกษา

ธรรมเพื่อความเจริญของปัญญาหรือเหตุเกิดของปัญญาไม่ใช่มาจากการท่องครับแต่มา

จากความเข้าใจขั้นการฟัง จำได้กับเข้าใจ สองคำนี้ต่างกัน ท่องจำได้ แต่ไม่เข้าใจใน

สิ่งนั้นก็ได้ แต่ถ้าเข้าใจย่อมจำได้ด้วยและไม่ลืมเพราะเข้าใจในสิ่งนั้นแล้วครับ

เชิญคลิกอ่านที่นี่....เหตุ ๘ ประการ ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา [ปัญญาสูตร]

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
homenumber5
วันที่ 17 มิ.ย. 2553

ขออนุโมทนาท่านความเห็นที่ 14

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ