ณ กาลครั้งหนึ่ง ไปกราบสังเวชนียสถานทั้งสี่ที่อินเดีย [๒] ราชคฤห์-นาลันทา-เวสาลี-ปัฏนะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ในวันที่สองและสามของการเดินทาง คณะของเราได้ออกเดินทางจากพุทธคยา เพื่อเป้าหมายต่อไป คือเมืองกุสินารา (แต่จะแวะพักที่ปัฏนะก่อน) อันเป็นสถานที่ปรินิพพานของพระพุทธองค์ โดยได้แวะนมัสการสถานที่สำคัญๆ ต่างๆ ในสมัยพุทธกาลเช่น

การเดินขึ้นเขาคิชกูฏ เพื่อกราบนมัสการพระมูลคันธกุฎี ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของพระพุทธองค์บนยอดเขา ระหว่างทางมีขอทานนั่งเรียงรายเป็นระยะๆ ให้ทุกท่านได้เจริญทานกุศล และพิจารณาธรรม ตลอดทาง

ถ้ำสูกรขาตา มีลักษณะเหมือนคางหมู เป็นสถานที่ๆ พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรม โปรดทีฆนขปริพาชก ผู้เป็นหลานของท่านพระสารีบุตร ขณะที่ท่านพระสารีบุตรถวายงานพัดอยู่ ท่านได้ฟังธรรมและสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในขณะนั้นเองคือ วันมาฆะปุณณมี วันเพ็ญเดือน ๓ หลังจากอุปสมบทได้เพียง ๑๕ วัน ส่วนทีฆนขปริพาชก ได้บรรลุโสดาปัตติผล

ก่อนที่จะถึงพระมูลคันธกุฎีเพียงไม่กี่ก้าว คือ กุฏิของท่านพระอานนท์

พระมูลคันธกุฎี ตั้งอยู่บนยอดเขา อากาศเย็นสบายและไม่สูงนัก พอที่พระพุทธองค์ จะทรงเสด็จพระดำเนินขึ้นสบายๆ พระเจ้าพิมพิสาร โปรดให้สร้างทางเป็นขั้นบันได เพื่อทรงพุทธดำเนินได้โดยสะดวก และพระองค์เองก็เสด็จขึ้นไปเฝ้า เพื่อฟังพระธรรมจากพระพุทธองค์บ่อยๆ เช่นกัน
" ... จงเริ่มพยายามขวนขวายในพระพุทธศาสนา จงกำจัดเสนาของมัจจุมาร เหมือนกุญชรช้างประเสริฐ ย่ำยีเรือนไม้อ้อ ฉะนั้นผู้ใดไม่ประมาท เห็นแจ้งในพระธรรมวินัยนี้ ผู้นั้นจักละชาติสงสาร จักทำที่สุดทุกข์ได้ ... "

ในวันที่เดินทางไป มีพุทธศาสนิกชนชาวไทยนำภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ขึ้นไปประกอบการสักการะด้วย ยังความปลื้มปีติที่ได้เห็นถึงความจงรักภักดีของปวงชนชาวไทยต่อพระองค์ท่าน ขอพระองค์จงทรงพระเจริญพระพุทธเจ้าข้าฯ

" ... ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนท่อนไม้ที่บุคคลขว้างขึ้นไปบนอากาศแล้ว บางคราวเอาโคนตกลงมาก็มี บางคราวเอาตอนกลางตกลงมาก็มี บางคราวเอาปลายตกลงมาก็มี ฉันใด สัตว์ทั้งหลาย ผู้มีนิวรณ์คืออวิชชามีตัณหาเป็นเครื่องประกอบได้แล่นไปอยู่ ท่องเที่ยวไปอยู่ บางคราวจากโลกนี้ไปสู่ปรโลกก็มี บางคราวจากปรโลกมาสู่โลกนี้ก็มี ฉันนั้น เหมือนกัน ข้อนั้น เพราะเหตุไร เพราะไม่เห็นอริยสัจ ๔ ... "

นาลันทา อยู่ห่างจากกรุงราชคฤห์ ๑๖ ก.ม. เป็นบ้านเกิดของท่านพระสารีบุตรและท่านพระมหาโมคคัลลานะ กับทั้งท่านพระสารีบุตรยังได้กลับมาปรินิพพานที่บ้านเกิดของท่านอีกด้วย นาลันทาเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยสงฆ์ที่เคยรุ่งเรืองที่สุดในโลก มีนักศึกษาที่เป็นภิกษุจำนวนนับหมื่นรูป และมีอาจารย์สอนถึงราว ๑,๔๐๐ ท่าน แต่ถูกทำลายโดยกองทัพชาวมุสลิม คณาจารย์และนักศึกษาถูกฆ่าจนหมดสิ้น อาคารต่างๆ ถูกเผาทำลายทั้งหมด ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพัง สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต ที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้างไว้ เพื่อเป็นอนุสรณ์สำหรับพระอัครสาวกทั้งสองท่านคือ ท่านพระมหาโมคคัลลานะและท่านพระสารีบุตร






" ... เมื่อหมอที่จะเยียวยาความเจ็บป่วยมีอยู่ ถ้าไม่แสวงหาหมอนั้น ไม่ยอมให้หมอนั้นเยียวยาความเจ็บป่วย นั่นไม่ใช่ความผิดของหมอ เป็นความผิดของบุรุษนั้นแต่ผู้เดียว ฉันใด ก็ผู้ใดถูกความเจ็บป่วย คือกิเลสบีบคั้นหนัก ไม่แสวงหาศาสดาผู้ฉลาดในทางระงับกิเลสซึ่งมีอยู่ ก็เป็นความผิดของบุรุษผู้นั้นผู้เดียว ไม่ใช่ความผิดของศาสดาผู้ขจัดความเจ็บป่วยคือกิเลส ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ... "

สถานที่ต่อไปคือ ปาวาลเจดีย์ สถานที่ทรงปลงพระชนมายุสังขาร และหลังจากนั้นอีก ๓ เดือน พระพุทธองค์จึงทรงเสด็จดับขันธปรินิพพาน ที่เมืองกุสินารา

ปัจจุบัน ปาวาลเจดีย์ เหลือแต่ฐานซากอิฐและหินแข็งสีเทามันวาวเป็นหลักฐาน ให้ได้ระลึกถึงการเสด็จพระดำเนินมาในสถานที่นี้เมื่อสองพันกว่าปีมาแล้ว

" ... อยู่ไปโดยไม่รู้ว่าวันไหน จะมีความทุกข์อย่างมาก จะป่วยเจ็บไข้อย่างหนัก จะพิการ จะสูญสิ้นทรัพย์สมบัติหมด เมื่อไม่รู้สาเหตุ ความทุกข์ก็ย่อมมาก ถ้าสามารถเข้าใจธรรมซึ่งเป็นเหตุเป็นผล จะเห็นพระคุณของพระธรรม ... "

สถานที่ต่อไปคือ กูฎาคารศาลา ป่ามหาวัน พระพุทธองค์เคยเสด็จมาที่เวสาลี หลายครั้ง แต่ละครั้งจะทรงประทับที่ กูฏาคารศาลาป่ามหาวัน เป็นส่วนใหญ่ พระสูตรหลาย พระสูตรเกิดขึ้นที่เมืองแห่งนี้ และที่กูฏาคารศาลานี่เอง ที่เป็นที่ๆ พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้พระนางมหาปชาบดีโคตมีเถรี พระน้านางของพระพุทธองค์ สามารถอุปสมบทเป็นภิกษุณีได้เป็นรูปแรกในโลก พร้อมทั้งบริวาร

เสาอโศกต้นนี้ เป็นเสาต้นเดียวที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุดในอินเดีย ที่ยังหลงเหลืออยู่ มีอายุถึงกว่า ๒,๓๐๐ ปี หัวเสาเป็นรูปสิงห์หมอบขนาดใหญ่ (ซึ่งต่างไปจากที่อื่นๆ ที่มักมีสิงห์สี่ตัว หันหลังชนกัน) สิงห์นี้หันหน้าไปทางทิศที่พระพุทธองค์ทรงเสด็จออกจากเมืองเวสาลีไป

ใกล้ค่ำแล้ว หนทางสู่เมืองปัฏนะยังไม่สิ้นสุด สภาพถนนที่แคบในบางช่วง ขรุขระ คละคลุ้งไปด้วยฝุ่นละออง ผู้โดยสารอย่างเราๆ กระเด้งกระดอนไปตลอดทาง ดูราวกับล่องลอยอยู่ในเทพวิมาน เห็นปานนั้น


การเดินทางวันนี้ กว่าจะถึงเมืองปัฏนะได้รับประทานอาหารมื้อเย็นได้ ก็เป็นเวลาค่ำมืดราวสามสี่ทุ่มถ้าจำไม่ผิด เนื่องจากระหว่างทาง รถติดยาวนาน แต่ก็เป็นบททดสอบที่ท่านอาจารย์ได้กรุณาฝากไว้แล้วก่อนไป แม้รถราติดขัดยาวนาน ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการสนทนาธรรมบนรถ ด้วยกุศลผลบุญอันเราได้กระทำไว้แต่ปางก่อน ให้ได้มี ท่านวิทยากรถึงสามท่านในรถของเรา ผลัดเปลี่ยนกันสนทนาธรรมไปจนตลอดทาง

" ... ได้ยินว่า พระมหาจุนทเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า การฟังดีเป็นเหตุให้การฟังเจริญ การฟังเป็นเหตุให้เจริญปัญญาบุคคลจะรู้ประโยชน์ก็เพราะปัญญา ประโยชน์ที่บุคคลรู้แล้วย่อมนำสุขมาให้ ภิกษุควรซ่องเสพเสนาสนะอันสงัด ควรประพฤติธรรมอันเป็นเหตุให้จิตหลุดพ้นจากสังโยชน์ ถ้ายังไม่ได้ประสบความยินดีในเสนาสนะอันสงัดและธรรมนั้น ก็ควรเป็นผู้มีสติรักษาตน อยู่ในหมู่สงฆ์. ฯลฯ ... "
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ
ณ กาลครั้งหนึ่ง ไปกราบสังเวชนียสถานทั้งสี่ที่อินเดีย [๑] พุทธคยา
ณ กาลครั้งหนึ่ง ไปกราบสังเวชนียสถานทั้งสี่ที่อินเดีย [๓] กุสินารา-ลุมพินี
ณ กาลครั้งหนึ่ง ไปกราบสังเวชนียสถานทั้งสี่ที่อินเดีย [๔] สาวัตถี
ณ กาลครั้งหนึ่ง ไปกราบสังเวชนียสถานทั้งสี่ที่อินเดีย [๕] สารนาท-พาราณสี-สุวรรณภูมิ
ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ ตากล้องคนเก่ง นอกจากจะถ่ายรูปได้ชัดแจ๋ว สวยงามแล้ว ยังเขียนคำบรรยายเก่งอีกด้วย อย่างนี้ต้องแต่งตั้งให้เป็นช่างภาพประจำมูลนิธิฯ ตลอดกาล
พี่แดง + พี่สงบ









