ณ กาลครั้งหนึ่ง ไปกราบสังเวชนียสถานทั้งสี่ที่อินเดีย [๒] ราชคฤห์-นาลันทา-เวสาลี-ปัฏนะ

 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่  9 พ.ย. 2552
หมายเลข  14194
อ่าน  3,145

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ในวันที่สองและสามของการเดินทาง คณะของเราได้ออกเดินทางจากพุทธคยา เพื่อเป้าหมายต่อไป คือเมืองกุสินารา (แต่จะแวะพักที่ปัฏนะก่อน) อันเป็นสถานที่ปรินิพพานของพระพุทธองค์ โดยได้แวะนมัสการสถานที่สำคัญๆ ต่างๆ ในสมัยพุทธกาลเช่น

การเดินขึ้นเขาคิชกูฏ เพื่อกราบนมัสการพระมูลคันธกุฎี ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของพระพุทธองค์บนยอดเขา ระหว่างทางมีขอทานนั่งเรียงรายเป็นระยะๆ ให้ทุกท่านได้เจริญทานกุศล และพิจารณาธรรม ตลอดทาง

ถ้ำสูกรขาตา มีลักษณะเหมือนคางหมู เป็นสถานที่ๆ พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรม โปรด ทีฆนขปริพาชก ผู้เป็นหลานของท่านพระสารีบุตร ขณะที่ท่านพระสารีบุตรถวายงานพัดอยู่ ท่านได้ฟังธรรมและสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในขณะนั้นเอง คือ วันมาฆะปุณณมี วันเพ็ญเดือน ๓ หลังจากอุปสมบทได้เพียง ๑๕ วัน ส่วนทีฆนขปริพาชก ได้บรรลุโสดาปัตติผล

ก่อนที่จะถึงพระมูลคันธกุฎีเพียงไม่กี่ก้าว คือ กุฏิของท่านพระอานนท์

พระมูลคันธกุฎี ตั้งอยู่บนยอดเขา อากาศเย็นสบายและไม่สูงนัก พอที่พระพุทธองค์ จะทรงเสด็จพระดำเนินขึ้นสบายๆ พระเจ้าพิมพิสาร โปรดให้สร้างทางเป็นขั้นบันได เพื่อทรงพุทธดำเนินได้โดยสะดวก และ พระองค์เองก็เสด็จขึ้นไปเฝ้า เพื่อฟังพระธรรมจากพระพุทธองค์บ่อยๆ เช่นกัน

"...จงเริ่มพยายามขวนขวายในพระพุทธศาสนา จงกำจัดเสนาของมัจจุมาร เหมือนกุญชรช้างประเสริฐ ย่ำยีเรือนไม้อ้อ ฉะนั้นผู้ใดไม่ประมาท เห็นแจ้งในพระธรรมวินัยนี้ ผู้นั้นจักละชาติสงสาร จักทำที่สุดทุกข์ได้..."

ในวันที่เดินทางไป มีพุทธศาสนิกชนชาวไทยนำภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ขึ้นไปประกอบการสักการะด้วย ยังความปลื้มปีติ ที่ได้เห็นถึงความจงรักภักดีของปวงชนชาวไทย ต่อพระองค์ท่าน ขอพระองค์จงทรงพระเจริญพระพุทธเจ้าข้าฯ

"...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนท่อนไม้ที่บุคคลขว้าง ขึ้นไปบนอากาศแล้ว บางคราวเอาโคนตกลงมาก็มี บางคราวเอาตอนกลางตกลงมาก็มี บางคราวเอาปลายตกลงมาก็มี ฉันใด สัตว์ทั้งหลาย ผู้มีนิวรณ์คืออวิชชามีตัณหาเป็นเครื่องประกอบได้แล่นไปอยู่ ท่องเที่ยวไปอยู่ บางคราวจากโลกนี้ไปสู่ปรโลกก็มี บางคราวจากปรโลกมาสู่โลกนี้ก็มี ฉันนั้น เหมือนกัน ข้อนั้น เพราะเหตุไร เพราะไม่เห็นอริยสัจ ๔..."

นาลันทา อยู่ห่างจากกรุงราชคฤห์ ๑๖ ก.ม. เป็นบ้านเกิดของ ท่านพระสารีบุตร และ ท่านพระมหาโมคคัลลานะ กับทั้งท่านพระสารีบุตร ยังได้กลับมาปรินิพพานที่บ้านเกิดของท่านอีกด้วย นาลันทา เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยสงฆ์ที่เคยรุ่งเรืองที่สุดในโลก มีนักศึกษาที่เป็นภิกษุจำนวนนับหมื่นรูป และมีอาจารย์สอนถึงราว ๑,๔๐๐ ท่าน แต่ถูกทำลายโดยกองทัพชาวมุสลิม คณาจารย์และนักศึกษาถูกฆ่าจนหมดสิ้น อาคารต่างๆ ถูกเผาทำลายทั้งหมด ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพัง สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต ที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้างไว้ เพื่อเป็นอนุสรณ์สำหรับพระอัครสาวกทั้งสองท่าน คือ ท่านพระมหาโมคคัลลานะ และ ท่านพระสารีบุตร

"...เมื่อหมอที่จะเยียวยาความเจ็บป่วยมีอยู่ ถ้าไม่แสวงหาหมอนั้น ไม่ยอมให้หมอนั้นเยียวยาความเจ็บป่วย นั่นไม่ใช่ความผิดของหมอ เป็นความผิดของบุรุษนั้นแต่ผู้เดียว ฉันใด ก็ผู้ใดถูกความเจ็บป่วย คือกิเลส บีบคั้นหนัก ไม่แสวงหาศาสดาผู้ฉลาดในทางระงับกิเลสซึ่งมีอยู่ ก็เป็นความผิดของบุรุษผู้นั้นผู้เดียว ไม่ใช่ความผิดของศาสดาผู้ขจัดความเจ็บป่วยคือกิเลส ก็ฉันนั้นเหมือนกัน..."

สถานที่ต่อไปคือ ปาวาลเจดีย์ สถานที่ทรงปลงพระชนมายุสังขาร และ หลังจากนั้นอีก ๓ เดือน พระพุทธองค์จึงทรงเสด็จดับขันธปรินิพพาน ที่เมืองกุสินารา

ปัจจุบัน ปาวาลเจดีย์ เหลือแต่ฐานซากอิฐและหินแข็งสีเทามันวาวเป็นหลักฐาน ให้ได้ระลึกถึงการเสด็จพระดำเนินมาในสถานที่นี้เมื่อสองพันกว่าปีมาแล้ว

"...อยู่ไปโดยไม่รู้ว่าวันไหน จะมีความทุกข์อย่างมาก จะป่วยเจ็บไข้อย่างหนัก จะพิการ จะสูญสิ้นทรัพย์สมบัติหมด เมื่อไม่รู้สาเหตุ ความทุกข์ก็ย่อมมาก ถ้าสามารถเข้าใจธรรมซึ่งเป็นเหตุเป็นผล จะเห็นพระคุณของพระธรรม..."


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 9 พ.ย. 2552

สถานที่ต่อไปคือ กูฎาคารศาลา ป่ามหาวัน พระพุทธองค์เคยเสด็จมาที่เวสาลี หลายครั้ง แต่ละครั้งจะทรงประทับที่ กูฏาคารศาลาป่ามหาวัน เป็นส่วนใหญ่ พระสูตรหลาย พระสูตรเกิดขึ้นที่เมืองแห่งนี้ และที่กูฏาคารศาลานี่เอง ที่เป็นที่ๆ พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้พระนางมหาปชาบดีโคตมีเถรี พระน้านางของพระพุทธองค์ สามารถอุปสมบทเป็นภิกษุณีได้เป็นรูปแรกในโลก พร้อมทั้งบริวาร

เสาอโศกต้นนี้ เป็นเสาต้นเดียวที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุดในอินเดีย ที่ยังหลงเหลืออยู่ มีอายุถึงกว่า ๒,๓๐๐ ปี หัวเสาเป็นรูปสิงห์หมอบขนาดใหญ่ (ซึ่งต่างไปจากที่อื่นๆ ที่มักมีสิงห์สี่ตัว หันหลังชนกัน) สิงห์นี้หันหน้าไปทางทิศที่พระพุทธองค์ ทรงเสด็จออกจากเมืองเวสาลีไป

ใกล้ค่ำแล้ว หนทางสู่เมืองปัฏนะยังไม่สิ้นสุด สภาพถนนที่แคบในบางช่วง ขรุขระ คละคลุ้งไปด้วยฝุ่นละออง ผู้โดยสารอย่างเราๆ กระเด้งกระดอนไปตลอดทาง ดูราวกับล่องลอยอยู่ ในเทพวิมาน เห็นปานนั้น

การเดินทางวันนี้ กว่าจะถึงเมืองปัฏนะได้รับประทานอาหารมื้อเย็นได้ ก็เป็นเวลาค่ำมืดราวสามสี่ทุ่มถ้าจำไม่ผิด เนื่องจากระหว่างทาง รถติดยาวนาน แต่ก็เป็นบททดสอบที่ท่านอาจารย์ได้กรุณาฝากไว้แล้วก่อนไป แม้รถราติดขัดยาวนาน ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการสนทนาธรรมบนรถ ด้วยกุศลผลบุญอันเราได้กระทำไว้แต่ปางก่อน ให้ได้มี ท่านวิทยากรถึงสามท่าน ในรถของเรา ผลัดเปลี่ยนกัน สนทนาธรรมไปจนตลอดทาง

"...ได้ยินว่า พระมหาจุนทเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า การฟังดีเป็นเหตุให้การฟังเจริญ การฟังเป็นเหตุให้เจริญปัญญาบุคคลจะรู้ประโยชน์ก็เพราะปัญญา ประโยชน์ที่บุคคลรู้แล้ว ย่อมนำสุขมาให้ ภิกษุควรซ่องเสพเสนาสนะอันสงัด ควรประพฤติธรรมอันเป็นเหตุ ให้จิตหลุดพ้นจากสังโยชน์ ถ้ายังไม่ได้ประสบความยินดี ในเสนาสนะอันสงัดและธรรมนั้น ก็ควรเป็นผู้มีสติรักษาตน อยู่ในหมู่สงฆ์. ฯลฯ ..."

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ

ณ กาลครั้งหนึ่ง ไปกราบสังเวชนียสถานทั้งสี่ที่อินเดีย [๑] พุทธคยา

ณ กาลครั้งหนึ่ง ไปกราบสังเวชนียสถานทั้งสี่ที่อินเดีย [๓] กุสินารา-ลุมพินี

ณ กาลครั้งหนึ่ง ไปกราบสังเวชนียสถานทั้งสี่ที่อินเดีย [๔] สาวัตถี

ณ กาลครั้งหนึ่ง ไปกราบสังเวชนียสถานทั้งสี่ที่อินเดีย [๕] สารนาท-พาราณสี-สุวรรณภูมิ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Khaeota
วันที่ 9 พ.ย. 2552

ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุโมทนาค่ะ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
kanchana.c
วันที่ 9 พ.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ ตากล้องคนเก่ง นอกจากจะถ่ายรูปได้ชัดแจ๋ว สวยงามแล้ว ยังเขียนคำบรรยายเก่งอีกด้วย อย่างนี้ต้องแต่งตั้งให้เป็นช่างภาพประจำมูลนิธิฯ ตลอดกาล

พี่แดง + พี่สงบ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 9 พ.ย. 2552

ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธา ครับ

(ภาพสวย ธรรม ซาบซึ้งครับ)

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pornpaon
วันที่ 9 พ.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
วิริยะ
วันที่ 10 พ.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
sopidrumpai
วันที่ 10 พ.ย. 2552

อนุโมทนาค่ะพี่วันชัย ^_^

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
nuntipak
วันที่ 10 พ.ย. 2552

อนุโมทนาค่ะ ตากล้องเป็นมืออาชีพจริงๆ

จี๊ด

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 10 พ.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Sam
วันที่ 11 พ.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
wannee.s
วันที่ 11 พ.ย. 2552

ขออนุโมทนาภาพสวยงาม มีธรรมะ ดีมากค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
saifon.p
วันที่ 12 พ.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
เมตตา
วันที่ 12 พ.ย. 2552

เห็นด้วยกับพี่แดง และพี่สงบค่ะ คุณวันชัยเป็นตากล้องคนเก่งมากจริงๆ เขียนคำบรรยายก็เยี่ยมมากค่ะ แถมแต่งกลอนธรรมะเตือนใจได้ไพเราะอีกด้วย...สาธุ สาธุ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
orawan.c
วันที่ 14 พ.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
สุภาพร
วันที่ 17 พ.ย. 2552

ขอขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
Jans
วันที่ 21 พ.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
aiatien
วันที่ 23 พ.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
ING
วันที่ 25 ม.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
ตะวัน
วันที่ 29 ม.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
chatchai.k
วันที่ 9 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ