ชนะมัจเฉรจิตด้วยสัทธาจิต

 
Khaeota
วันที่  13 ต.ค. 2552
หมายเลข  13946
อ่าน  1,446

เรื่อง การเอาชนะที่ประเสริฐคือชนะกิเลส

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้าที่ 5
ข้อความบางตอนจาก เรื่อง จูเฬกสาฎกพราหมณ์ ชนะมัจเฉรจิตด้วยสัทธาจิต

เมื่อเขากำลังคิดว่า " จักถวาย จักไม่ถวาย " ดังนี้นั่นแหละ ปฐม-ยามล่วงไปแล้ว. แต่นั้น ครั้นถึงมัชฌิมยาม เขาไม่อาจถวายในมัชฌิมยามแม้นั้นได้. เมื่อถึงปัจฉิมยาม เขาคิดว่า " เมื่อเรารบกับสัทธาจิตและมัจเฉรจิตอยู่นั่นแล ๒ ยามล่วงไปแล้ว. มัจเฉรจิต (ความตระหนี่) นี้ของเรามีประมาณเท่านี้ เจริญอยู่ จักไม่ให้ยกศีรษะขึ้นจากอบาย ๔, เราจักถวายผ้าสาฎกละ. " เขาข่มความตระหนี่ตั้งพันดวงได้แล้วทำสัทธาจิต (ศรัทธา) ให้เป็นปุเรจาริก (นำหน้า) ถือผ้าสาฎกไปวางแทบบาทมูลพระ-ศาสดา ได้เปล่งเสียงดังขึ้น ๓ ครั้งว่า " ข้าพเจ้าชนะแล้ว ข้าพเจ้าชนะแล้ว เป็นต้น ." ทานของพราหมณ์ให้ผลทันตาเห็น พระเจ้าปเสนทิโกศล กำลังทรงฟังธรรม ได้สดับเสียงนั้นแล้วตรัสว่า " พวกท่านจงถามพราหมณ์นั้นดู. ได้ยินว่า เขาชนะอะไร?." พราหมณ์นั้นถูกพวกราชบุรุษถาม ได้แจ้งความนั้น. พระราชาได้สดับความนั้นแล้ว ทรงดำริว่า " พราหมณ์ทำสิ่งที่บุคคลทำได้ยาก เราจักทำการสงเคราะห์เขา " จึงรับสั่งให้พระราชทานผ้าสาฎก ๑ คู่. ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
suwit02
วันที่ 14 ต.ค. 2552

เขาข่มความตระหนี่ตั้งพันดวงได้แล้ว

ทำสัทธาจิต (ศรัทธา) ให้เป็นปุเรจาริก (นำหน้า)

ถือผ้าสาฎกไปวางแทบบาทมูลพระศาสดา ได้เปล่งเสียงดังขึ้น ๓ ครั้งว่า

" ข้าพเจ้าชนะแล้ว ข้าพเจ้าชนะแล้ว เป็นต้น ."

สาธุ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ