อินเดีย ...อีกแล้ว3

 
kanchana.c
วันที่  11 ต.ค. 2552
หมายเลข  13918
อ่าน  2,289

เตรียมทำกิจของตน

ได้มีโอกาสร่วมเดินทางจาริกแสวงบุญ (เพราะกว่าคำว่า “ท่องเที่ยว” ไหมคะ) กับคณะศึกษาธรรมหลายครั้ง ไปคนเดียวบ้าง (ไม่มีคนคุ้นเคยไปด้วย มีแต่คนเคยหน้ากันเคยยิ้มให้กัน หรือเคยพูดคุยกันสองสามประโยค) ไปกับสามีบ้าง แต่ละครั้งก็ต้องทำใจก่อนไปไม่เหมือนกัน แต่ก็อดคาดหวังไม่ได้ว่า การเดินทางกับผู้สนใจศึกษาธรรม ได้ฟังธรรม เข้าใจธรรมบ้าง คงจะมีความสุขสงบกว่าคนกลุ่มอื่นแน่ๆ โดยลืมคิดถึงจิตของตนเองที่ได้ศึกษาธรรมมานานเกือบครึ่งชีวิต ว่ายังเต็มไปด้วยอกุศลเกือบเหมือนเดิม แถมเพิ่มมานะ ความสำคัญตน ความถือตนว่าได้ศึกษาธรรมเข้าไปอีก คนอื่นๆ ก็คงเหมือนกัน ตอนไปคนเดียวนั้น บางครั้งถึงเวลารับประทานอาหาร ลืมจองที่นั่งก่อนไปตักอาหาร เมื่อจะมานั่งเก้าอี้ที่เห็นว่าว่าง ก็มีคนบอกว่า จองแล้ว ต้องไปหาที่อื่นอีก อดน้อยใจคนบอกไม่ได้ว่า จะขอนั่งด้วยคนไม่ได้หรือไง ลืมคิดไปว่า ถ้าเป็นเรา จองไว้ให้เพื่อนแล้วมียัยคนไม่รู้เรื่องมานั่ง ก็ต้องบอก ไม่อย่างนั้นเพื่อนเราจะนั่งที่ไหน เรื่องที่นั่งนี่เคยมีเรื่องกันมาแล้ว เมื่อผู้ร่วมเดินทางท่านหนึ่งท่านติดตามเพื่อนของท่านมา ท่านเป็นใครไม่มีใครทราบ เมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร ท่านไปนั่งเก้าอี้ที่เห็นว่าว่าง คนในกลุ่มนั้นบอกว่า จองแล้ว ท่านโกรธมากจนลืมว่าตนเองเป็นใคร ท่านถามคนบอกท่านว่า “รู้ไหมว่า ดิฉันเป็นใคร” พวกนั้นก็งง เพราะไม่รู้จริงๆ ท่านบอกว่า “ดิฉันเป็น ดร. ...เป็นคณบดี... นะคะ” ก็เลยทำให้พวกเรารู้ว่าท่านเป็นใคร โชคดีที่ท่านคงโกรธน้อยลงจนนึกได้ว่าท่านเป็นใคร (หรืออย่างไร?) และเรื่องของอกุศลก็ยังไม่จบแค่นั้น คนได้ยินก็บอกว่า โธ่เอ๋ย แค่นี้เอง รู้หรือเปล่าว่า พวกเราเป็นใคร (ลืมไปอีกเหมือนกัน) ใหญ่กว่าเธออีก ยังไม่เห็นต้องแสดงตนเลย นี่เป็นเรื่องของผู้ศึกษาธรรมแล้วไม่น้อมประพฤติปฏิบัติตาม เราก็เช่นกัน สังเกตตนเองว่า ชอบยุ่งกับอกุศลของคนอื่น อย่างเวลาขับรถ ก็คอยแต่จะคิดว่า คนอื่นขับไม่ดี ดูซิ เปลี่ยนเลน ก็ไม่เปิดไฟขอทาง ขับปาดซ้ายปาดขวา ไม่มีวินัยจราจรเลย ลุงนี่ขับช้าแล้วยังมาอยู่เลนขวาอีก (ลืมไปว่าตนเองก็อยู่ในวัยเดียวกับลุง) ถ้านั่งคนเดียวก็คิดในใจ แต่ถ้ามีคนนั่งไปด้วย ก็จะช่วยกันก่นว่าคนอื่นไปตลอดทาง จนบางครั้งเป็นเรื่องขำขันว่า ใครจะหาคำว่าที่เจ็บแสบกว่ากันได้ เช่นเราพูดว่า เด็กนี่ขับรถแย่จริงๆ เพื่อนก็บอกว่า อย่างนี้ต้องเรียก ไอ้ชั่ว เป็นต้น ตลอดเวลานั้นไม่ได้ดูตนเองเลยว่า ขับรถเป็นอย่างไร ได้ยินคำบรรยายของท่านอาจารย์เป็นทำนองว่า “การขัดเกลาอกุศลเป็นกิจของตน อย่าไปก้าวก่ายไปกับอกุศลของคนอื่น” เราทำตรงกันข้าม ชอบไปยุ่งกับอกุศลของคนอื่น ชอบจัดการว่า คนอื่นควรทำอย่างนั้นอย่างนี้ ลืมทำกิจ คือ ขัดเกลาอกุศลของตนเองจริงๆ ต่อไปจะพยายามระลึกคำของท่านอาจารย์บ่อยๆ ค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
Guest
วันที่ 12 ต.ค. 2552

บางครั้งฟังคุณ kanchana.c รู้สึกว่าโดน เพราะผมเองกิเลิสก็เยอะ แต่เข้าใจตัวเองนิดหน่อย กราบอนุโมทนาด้วยความเคารพยิ่ง

ขอบพระคุณมากครับ คุณพี่แดง

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
สุภาพร
วันที่ 12 ต.ค. 2552

"การขัดเกลาอกุศลเป็นกิจของตน อย่าไปก้าวก่ายไปกับอกุศลของคนอื่น”

ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่งอย่างสูง

และอนุโมทนาบุญคุณเมตตาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
choonj
วันที่ 12 ต.ค. 2552

แล้วจะทำอย่างไรละครับ ในเมื่อยังมีการสังคมกับบุคลเหล่านั้น เมื่อคนเหล่านั้นเป็นคนใกลชิดหรือเป็นญาติพี่น้อง พระสูตรของมศพ. เสาร์ที่แล้ว สอนว่าไม่ควรใส่ใจในกายวาจาใจที่เป็นอกุศลของผู้อื่น แต่ควรใส่ใจในกายวาจาใจที่เป็นกุศลที่ดีงามของผู้อื่น ถ้ากายวาจาใจของเรายังเป็นอกุศล คนอื่นก็อาจจะไม่ใส่ใจในเราก็ได้ เมื่อยังมีการสังคมอยู่ก็ค่อยๆ เกื้อกูลกันไปด้วยจิตที่เป็นกุศล ครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
shumporn.t
วันที่ 12 ต.ค. 2552

ข้อเขียนของอาจารย์ เป็นอนุสติเตือนใจจริงๆ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ING
วันที่ 12 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนา และขอบคุณอย่างยิ่งค่ะในข้อคิดที่สั้น"เตรียมทำกิจของตน" แต่มีค่าเหลือเกินค่ะสาธูครั้งนี้ไม่มีโอกาสร่วมเดินทางด้วยแต่ก็ขออนุโมทนาอย่างสูงด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
saifon.p
วันที่ 12 ต.ค. 2552

บทความของ อ. แดง อ่านไปยิ้มไปหัวเราะไป เป็นอย่างนั้นจริงๆ ทำให้นึกถึงคำพูดของคุณวีรยุทธ์...เครียดๆ ขำๆ ก็เป็นธรรม...กราบอนุโมทนาค่ะ เตือนใจบ่อยๆ นะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
orawan.c
วันที่ 12 ต.ค. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
khampan.a
วันที่ 12 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pornpaon
วันที่ 16 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 19 ต.ค. 2552

เป็นข้อความที่โดนใจจริงๆ คะเพราะเคยโดนเช่นนั้นเหมือนกัน.....เนืองจากปกติไปไหนคนเดียว...พยายามแก้ไขแล้วนะคะเลือกที่นั่งตรงที่คิดว่าไม่มีใครกล้านั่ง..แต่ก็เจออีกคะเป็นที่นั่ง VIP...เจอ VIPใจดีก็กลายเป็น VIP ไปด้วย...หรือไม่ก็ถูกเชิญไปนั่งที่อื่น...กำหนดหรือคาดหวังอะไรไม่ได้จริงๆ ........ทุกอย่างเป็นอนัตตา..

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
guy
วันที่ 15 มี.ค. 2554

สาธุ สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
homenumber5
วันที่ 19 มิ.ย. 2554

เรื่อง ทิฏฐิ มานะ อุปาทานเป็นเครื่องกั้นกุสล คงจะพออธิบายเรื่องนี้ได้ไหมคะ พอดีเพิ่งอ่านเรื่องที่พระมหาสารีบุตร เปรียบเทียบตนเองว่าเป็นผ้าเช็ธุลีเป็นลูกคนจัณพาลและเป็นโคเขาขาด ท่านเป็นพระอรหันต์ แต่เปรียบตนเป็นสิ่งที่ต่ำต้อยสุดประมาณ เห็นควร พุทธศาสนิกชนควรมาไตร่ตรองดู อนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
homenumber5
วันที่ 19 มิ.ย. 2554
ขออนุญาติ แก้ไขค่ะ ผ้าเช็ดธุลี ลูกคนจัณฑาล
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ