คนไข้อนาถา

 
opanayigo
วันที่  10 ต.ค. 2552
หมายเลข  13916
อ่าน  1,808

ขออนุญาต สนทนาธรรม

ฟังธรรมที่มูลนิธิฯ วันนี้

ทุติยอาฆาตวินยสูตร

ว่าด้วยธรรมระงับบความอาฆาต ๕ ประการ

ข้อความบางส่วนในพระสูตร (หน้า ๓)

บทว่า อาพาธิโก ได้แก่

เจ็บป่วยด้วยโรคของแสลง

ที่ทำลายอิริยาบถ,

ในบทว่า เอวมว โข นี้

คนที่ประกอบด้วยธรรมส่วนดำทั้งหมด

พึงเห็นดุจคนไข้อนาถา

สังสาระ อันหาที่สุดเบื้องต้นไม่ได้ ดุจทางไกล

ความที่นิพพานไกล

ดุจความที่บ้านไกล ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง

สรุป คำกล่าวเตือนจากท่านอาจารย์

คำร้อน และ คำเย็น

ก็คือ

ความโกรธ และ เมตตา

เมตตา คือ น้อมกุศลเข้ามาสู่ตน

แก้เราที่เข้าใจผิด

สัญญาวิปลาศเมื่อ อกุศลจิตเกิดขึ้น

เมตตาเป็นธัมมะที่สงบจากโทสะและอกุศล

เมตตาบ่อยๆ คือ เมตตาเจริญ

...................

เมื่อพิจารณาตน

ก็ยังเป็นคนไข้อนาถา ตะปุ่มตะป่ำ

ช้ำเลือดช้ำหนอง

เป็นๆ หายๆ

ผ่องใสชั่วครั้งคราว

แม้กาย วาจา ภายนอก

เหมือนไม่มีอะไร

แต่จิตภายใน

เชื้อโรครุมเร้า

คิดดี คิดร้าย

บางเรื่องก็คิดไปได้ถึงเพียงนั้น

(บังคับบัญชาไม่ได้)

บูดๆ เบี้ยวๆ ไม่ตรงต่อธรรม

ถูกใจ สบาย ก็เหมือนไม่โกรธ

เมื่อใดไม่ถูกใจ ไม่สบาย

ขณะนั่งฟังธรรม

พัดลมสองตัว เป่าจ่อศีรษะ

ก็เริ่มไม่พอใจ ขณะนั้นไม่ได้ฟัง

จะระลึกได้ว่าอกุศลน่าสลดใจยิ่งนัก

เมื่อเราเองก็อนาถาเพียงนี้

ทั้งๆ ที่ ศึกษาว่าเป็น จิต เจตสิก รูป

ก็หลงไปโกรธ (ในใจ) ด้วยความเป็น เรา

อยู่ร่ำไป

(ควรที่จะกรุณา คนไข้ ผู้ยังไกลบ้าน)

คำถามทิ้งท้าย จากท่านอาจารย์

ควรโกรธคนที่กำลังเป็นไข้หนัก อนาถาหรือเปล่า

เมตตา ยากมั๊ยคะ????

..............................

ด้วยความเคารพธรรม สมควรแก่ธรรม

...............................

กราบอนุโมทนา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
pornpaon
วันที่ 10 ต.ค. 2552

ที่เห็นชัดเวลานี้

คนไข้ที่ควรเมตตาอย่างหนักเป็นคนแรก คือ ตนเอง

เพราะช่างดูน่าอนาถ บ้าๆ บิ่นๆ คุ้มดีคุ้มร้าย

ดำด่างด้วยอกุศล...และ...อยู่ไกลบ้านสุดประมาณ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
dron
วันที่ 10 ต.ค. 2552

โกรธไปแล้วไม่รู้จะทำอย่างไร

บังคับบัญชาไม่ได้

มีเหตุปัจจัยก็เกิดขึ้น

น่าอนาถจริงๆ

ความไม่รู้ ไม่รู้ว่าโกรธอะไร ทั้งๆ ที่่เป็นแต่สภาพธรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
dron
วันที่ 10 ต.ค. 2552

เมตตา เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย

เป็นคนโกรธง่าย

สะสมปฏิฆานุสัยไว้มาก

ทำให้เป็นคนโกรธง่าย

ฉะนั้นเมตตาก็เกิดยาก

ฟังธรรมไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเป็นพระอนาคามี

จึงจะดับความโกรธได้ไม่เกิดอีกเลย

หนทางอื่นไม่มี

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
dron
วันที่ 10 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 10 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เมตตา
วันที่ 10 ต.ค. 2552

คำถามทิ้งท้าย จากท่านอาจารย์

ควรโกรธคนที่กำลังเป็นไข้หนัก อนาถาหรือเปล่า

เมตตา ยากมั๊ยคะ????

ควรเมตตา ให้ความเป็นมิตร หวังดี และความไม่มีภัยแก่เขา

เกื้อกูลอนุเคราะห์ให้เขาเกิดกุศลจิต ละอกุศลธรรม

หากโกรธเขา

เราเองที่เป็นคนไข้หนัก อนาถา

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
orawan.c
วันที่ 11 ต.ค. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
saifon.p
วันที่ 11 ต.ค. 2552

พึ่งรู้ตัวเองก็เป็นคนไข้อนาถาเหมือนกัน เราก็อนาถาคนอื่นก็อนาถาเมื่อพิจารณา... เป็นคนไข้อนาถา...มาพักชั่วคราว...บ้านก็แสนไกล....รู้สึกสลดใจ (ขณะนี้นะคะ) ....แต่พอไม่ฟังพระธรรมเสมอเนืองๆ ...ลืมหมด....จึงเป็นผู้มีปกติหลงลืมสติอยู่เรื่อยๆ กระทู้นี้เตือนใจเหลือเกิน..... กราบอนุโมทนาทุกท่านคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
สุภาพร
วันที่ 12 ต.ค. 2552

ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
wannee.s
วันที่ 12 ต.ค. 2552

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า จงมีธรรมะเป็นเกาะ มีธรรมะเป็นที่พึ่ง อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พี่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
oom
วันที่ 13 ต.ค. 2552

ทุกวันนี้ เป็นคนไข้อนาถาเป็นส่วนใหญ่ สงสารตัวเองจัง บางวันก็เป็นคนไข้หนักเพราะ

แสดงโทสะ ให้คนอื่นรู้ บางวันก็เป็นคนไข้อนาถามีโทสะในใจ แต่ไม่แสดงออก เมื่อระลึกรู้

ก็คิดนึกเป็นเรื่องราว เห็นความเป็นอนัตตาจริงๆ ที่ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ เมื่อมีเหตุ

ปัจจัยก็เป็นคนไข้หนัก เหมือนที่อจ.สุจินต์บรรยายเลย ตั้งแต่ตื่นลืมตาก็มีแต่โลภะ

โทสะเห็นสิ่งที่ปรากฎทางตา ก็เป็นอกุศลเสียแล้ว เพราะไม่พอใจ ไม่ชอบใจ ซึ่งก็ได้

แต่น้อมว่าเป็นธรรมเท่านั้นเอง

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
petcharath
วันที่ 13 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ