ปฏิสนธิ ภวังค์ จุติ ไม่ใช่วิถีจิต

 
เมตตา
วันที่  31 ส.ค. 2552
หมายเลข  13417
อ่าน  3,520

ปฏิสนธิ ภวังค์ จุติ ไม่ใช่วิถีจิตเพราะไม่รู้อารมณ์คือ สี เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะใน ปัจจุบันชาติที่กระทบทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น และทางกายได้ ปฏิสนธิจิต ภวังคจิต และจุติจิตในภพชาตินี้นั้น มีอารมณ์เดียวกับจิตใกล้จะจุติในชาติก่อนเป็นอารมณ์ เพราะฉะนั้น ในภพชาติหนึ่งๆ นั้น ปฏิสนธิจิต ภวังคจิต และจุติจิตนั้นจึงมี อารมณ์เดียวกันคือ อารมณ์เดียวกันกับชวนะสุดท้ายก่อนจุติจิตในชาติก่อนเป็นอารมณ์

ขออนุโมทนาค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
วิริยะ
วันที่ 31 ส.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Jans
วันที่ 31 ส.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 2 ก.ย. 2552

ขอเติมอีกนิดนะคะพี่เมตตา.....

ปฏิสนธิ ภวังค์ จุติ ไม่รู้อารมณ์ทางใจด้วยค่ะ (ถึงแม้จะเกิดที่หทยวัตถุก็ตาม) เพราะปฏิสนธิ ภวังค์ จุติ ไม่ต้องอาศัยทวารเกิดขึ้น (ทวารวิมุตตจิต) และไม่ใช่วิถีจิตค่ะ (วิถีวิมุตตจิต)

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 2 ก.ย. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ชีวิตของแต่ละบุคคลที่ดำเนินไปในแต่ละวันๆ นั้น เป็นจิตแต่ละขณะที่เกิดขึ้น เป็นไปดำรงอยู่เพียงชั่วหนึ่งขณะจิตเดียวเท่านั้น จึงไม่พ้นไปจากวิถีจิต (จิตที่เกิด ขึ้นโดยอาศัยทางหนึ่งทางใดใน ๖ ทาง คือ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจในการรู้อารมณ์) และจิตที่ไม่ใช่วิถีจิต (จิตที่ไม่ต้องอาศัยทาง หนึ่งทางใดใน ๖ ทางในการรู้อารมณ์ ได้แก่ ปฏิสนธิจิต ภวังคจิต และ จุติจิต จิตทั้ง ๓ ประเภทนี้ ได้แก่วิบากจิตประเภทเดียวกัน ที่เกิดขึ้นทำกิจปฏิสนธิ ทำกิจ ภวังค์ และ ทำกิจจุติ ขึ้นอยู่กับว่าจะเกิดเป็นอะไร) ดังนั้น ในภพนี้ชาตินี้ ปฏิสนธิ- จิต ซึ่งเป็นจิตขณะแรกเกิดแล้วดับไปแล้ว ส่วนจุติจิต ยังไม่เกิดขึ้น แต่จะเกิดขึ้น เมื่อใดนั้นไม่มีใครทราบได้ ชีวิตประจำวันจึงมีแต่วิถีจิตสลับกับภวังคจิต (ไม่ใช่วิถีจิต) จนกว่าจะถึงคราวที่ จุติจิตเกิดขึ้นทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ในภพนี้ชาตินี้ และสำหรับผู้ที่ยังไม่ ได้ดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์ อยู่ร่ำไป เดินทางไกลในสังสารวัฏฏ์อีกต่อไป การศึกษาเรื่องจิต ก็เพื่อเข้าใจจิต ตามความเป็นจริงว่า จิตเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน เพิ่มพูนความ มั่นคงในความเป็นจริงของสภาพธรรมยิ่งขึ้น ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
suwit02
วันที่ 2 ก.ย. 2552

สาธุ

ขอเรียนถามว่า เนื่องจากผมเป็นมนุษย์ เจตสิก เหล่านี้ คือ ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา เอกัคคตา มนสิการ และ วิตก วิจาร อธิโมกข์ วิริยะ ฉันทะ ย่อมต้องเกิดพร้อมกับภวังคจิตด้วย และตอนที่ผมนอนหลับ ภวังคจิตก็เกิดสืบต่อซ้ำๆ กันมากมาย ทำไมตอนที่ตื่นนอน ผมจึงจำอารมณ์ (เดียว) ของภวังคจิตเหล่านั้นไม่ได้เลย

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ups
วันที่ 3 ก.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
vikrom
วันที่ 3 ก.ย. 2552

ขอตอบ K. suwit02 แบบผู้มีความรู้พื้นฐานน้อยๆ ว่า ขณะหลับสนิทมีอารมณ์ของชาติอื่นๆ แต่ขณะตื่น จะมีอารมณ์ของชาติปัจจุบันเท่านั้น เอามาปนกันไม่ได้ครับ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
สุภาพร
วันที่ 4 ก.ย. 2552

ขอเรียนถามว่า ลมกัมมชวาต คืออะไรคะ และเกิดขึ้นตอนลงสู่ครรภ์ หรือ จะคลอดคะ

ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เมตตา
วันที่ 4 ก.ย. 2552

ขออนุโมทนา น้องไตรสรณคมน์ อย่างมากค่ะ ที่กรุณาเพิ่มเติม สิ่งที่มีประโยชน์ต่อการพิจารณา

ขอขอบคุณมากค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
wannee.s
วันที่ 4 ก.ย. 2552

ลมกัมมชวาด คือลมที่ทำให้ทารกเกิดค่ะ (คลอดออกจากภรรค์มารดา)

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
เมตตา
วันที่ 6 ก.ย. 2552

เชิญคลิกอ่านได้ที่นี่...

ภวังคจิต

ขณะหลับสนิทเป็นภวังคจิต

ภวังคจิตคืออะไร

การไหวของภวังคจิต

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
vikrom
วันที่ 8 ก.ย. 2552

ขอขอบพระคุณที่ให้อ่านเพิ่มเติมครับ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
สุภาพร
วันที่ 9 ก.ย. 2552
ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาคุณ วรรณีค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
วิริยะ
วันที่ 9 ก.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
Jans
วันที่ 20 ก.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 24 ก.ย. 2552

ด้วยความยินดีค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 25  
 
เมตตา
วันที่ 25 ก.ย. 2552

ควรอบรมเจริญปัญญาให้รู้อารมณ์อย่างหยาบๆ ที่กำลังปรากฏขณะนี้ดีกว่าน่ะค่ะ อารมณ์ที่กำลังปรากฏทางตา ทางหู.... ยังรู้ได้ยาก... ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรอบรมให้รู้ให้ เข้าใจได้ พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ความจริง ความจริง คือ ธรรมะ การรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้เป็นประโยชน์สูงสุด

ขออนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 27  
 
paderm
วันที่ 26 ก.ย. 2552

ศึกษาเพื่อจำชื่อ เรื่องราวมากๆ หรือพยายามรู้ในสิ่งที่เกินวิสัย แต่ลืมไปว่าสิ่งที่ควรรู้คือสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ เวลาเหลือน้อยแล้วทุกท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 28  
 
เมตตา
วันที่ 27 ก.ย. 2552

ขออนุโมทนาคุณไตรสรณคมน์ และคุณ paderm อย่างมากค่ะ

อ่านแล้วทำให้ มีความเข้าใจมั่นคงขึ้นว่า การศึกษาพระธรรมไม่ใช่การรู้แต่ ชื่อ หรือเรื่องราวต่างๆ เพราะชื่อปิดบังสิ่งทั้งปวงไว้ แม้แต่ในสมัยพุทธกาลพระโปฐิละนั้นเป็นผู้ทรงพระไตรปิฎกแต่ ไม่ได้อบรมเจริญปัญญารู้ถึงลักษณะของสภาพธรรมตรงตามความเป็นจริง ซึ่งก็เปรียบเหมือนใบลานเปล่า เพราะฉะนั้นอย่าได้ประมาท ภพชาตินี้ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม ซึ่งเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง สิ่งที่ควรรู้ยิ่ง คือ สิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏขณะนี้ เป็นสิ่ง ที่สามารถอบรมให้รู้ได้ ไม่ควรไปคำนึงถึงสิ่งที่ยังไม่ปรากฏ

 
  ความคิดเห็นที่ 32  
 
พุทธรักษา
วันที่ 28 ก.ย. 2552
 
  ความคิดเห็นที่ 34  
 
paderm
วันที่ 28 ก.ย. 2552

เรื่อง อย่าเพิ่งไปไหน

บรรยายโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

คุณอรวรรณ แต่ในการศึกษาเพื่อให้ทราบความละเอียดของวิถีจิต ก็จะเป็นความ อะไรที่ผู้ฟังผู้ศึกษาก็เหมือนกับว่า เป็นทั้งศัพท์บาลี ทั้งยุ่งยาก ทั้งอะไร ก็แยกแยะไม่ ออกว่า แล้วความละเอียดขนาดไหน ที่จะสามารถทำให้เข้าใจลักษณะสภาพธรรมที่ปรากฎ


ท่านอ.สุจินต์ คุณอรวรรณมีเพื่อนหลายคน เพื่อนดีของคุณอรวรรณคือใคร ไม่ต้องเป็นชื่อ (บอกชื่อ) คนที่สามารถทำให้คุณอรวรรณมีความเห็นที่ถูกต้อง ไม่ใช่ เห็นผิดเข้าใจผิดใช่ไหม เพราะฉะนั้นขณะนี้มีสภาพธรรมที่กำลังปรากฎ ถ้าเป็นเพื่อน ที่ดีเนี่ย จะพาให้คุณอรวรรณ ห่างไกลจากสิ่งที่ปรากฎ ไปสนใจในเรื่องที่คุณอรวรรณ ไม่สามารถจะรู้ได้ หรือ ให้รู้ว่าแม้สิ่งนี้มี แต่ก็ยากแสนยากเพราะว่าไม่เคยคิดจะเข้าใจ สิ่งที่ปรากฎจริงๆ นะคะ คิดเรื่องราวทั้งหมด เห็นบ้าง ได้ยินบ้าง ได้กลิ่นบ้าง เป็น เรื่องราวนะคะ มากมาย แม้ขณะนี้ค่ะก็มีสิ่งที่ปรากฎทางตา แต่ก็เห็นเป็นคนนั้น คนนี้ เป็นอย่างนี้ไปทุกชาติ กับคนที่รู้ว่าทำไมไม่รู้สิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฎซึ่งเป็นประโยชน์ สูงสุดที่จะรู้ว่า อะไรเป็นปรมัตถ์ อะไรเป็นบัญญัติ มิฉะนั้นก็พูดแต่ชื่อ ปรมัตถ์กับบัญญัติ บัญญัติเป็นสิ่งที่ไม่มีจริง ปรมัตถ์เป็นสิ่งที่มีจริง แล้วเมื่อไหร่จะรู้จักตัวปรมัตถ์ละคะว่า เป็นสิ่งที่มีจริง เพราะฉะนั้นใครจะพาคุณอรวรรณไปไหน ไกลไกล ตามไปหรือว่า ให้มาสู่การที่จะเข้าใจถูก เห็นถูกในสิ่งที่กำลังมีจริงๆ และกำลังจะมีต่อไปอีกนานแสนนาน ถ้าไม่รู้ในสิ่งที่กำลังปรากฎขณะนี้จริงๆ ประโยชน์อะไรกับการที่มีเห็น แล้ว กี่ภพกี่ชาติก็ไม่รู้เลยว่าเป็นธรรม เพราะฉะนั้นไม่อยากจะพาไปไหนนะคะ แต่ว่าให้ฟังจนกระทั่งสามารถที่จะไม่สนใจสิ่งอื่นและก็กำลังมีสิ่งที่กำลังปรากฎเฉพาะหน้าจริงๆ ไม่ห่างเหินจากสิ่งที่ปรากฎเฉพาะหน้า

 
  ความคิดเห็นที่ 35  
 
vikrom
วันที่ 29 ก.ย. 2552
ขอบคุณมากครับ และขออนุโมทนาด้วยครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 40  
 
paderm
วันที่ 30 ก.ย. 2552

เชิญคลิกอ่านที่นี่....

ชื่อว่าเป็นผู้ที่ตรงต่อธรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 42  
 
suwit02
วันที่ 1 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนาในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 43  
 
chatchai.k
วันที่ 2 ก.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ