ขณะนี้ถึงเวลาของอะไร ?

 
เมตตา
วันที่  10 ส.ค. 2552
หมายเลข  13138
อ่าน  1,269

คุณเคทเทอลีน บาววี่ จากประเทศสหรัฐอเมริกา เคยเป็นลูกศิษย์เรียนภาษาไทย

กับท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เมื่อ ๓๐ กว่าปีก่อน มาเมืองไทยคราวนี้มีเพื่อน

เปิดวิทยุ ท่านได้ยินเสียงท่านอาจารย์สุจินต์ และจำเสียงได้ว่าเป็นเสียงของอาจารย์

ท่าน จึงให้เพื่อนช่วยติดตามหาจนได้มาพบท่านอาจารย์สุจินต์ซึ่งไม่ได้พบกันมานาน

ถึงเวลาที่จะได้พบกัน... สภาพธรรมใดเกิด ก็เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย ถึงเวลา

เห็นก็ต้องเห็น ถึงเวลาได้ยินก็ได้ยิน ถึงเวลาคิดนึกก็คิดนึกตามเหตุปัจจัย...


เชิญสหายธรรมร่วมสนทนาค่ะว่า ขณะนี้ถึงเวลาของอะไรคะ?


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 10 ส.ค. 2552

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ

ขอเชิญทุกท่านร่วมสนทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
วิริยะ
วันที่ 10 ส.ค. 2552

แค่ชื่อหัวข้อ ก็ยากต่อการพิจารณาแล้วนะคะว่าหมายถึงอะไร แต่ขอแสดงความคิดเห็นเท่าที่ปัญญาจะมีค่ะว่า ขณะนี้ เป็นเวลาที่ ควรจะสร้างเหตุที่ดี เพื่อผลที่ดีที่จะตามมาและเหตุที่ดีที่ว่านี้ คือ การศึกษาธรรมะ การฟังธรรมะ การพิจารณาธรรมะ แล้วน้อมนำไปปฏิบัติ

กรณีของคุณ แคทเทอรีน บาววี่ เป็นตัวอย่างของผู้ที่สร้างเหตุมาดี เป็นคนต่างชาติแท้ๆ ยังมีโอกาสได้ฟังพระธรรมของพระพุทธเจ้า แล้วผู้ที่ยังไม่มีโอกาสได้ฟังล่ะคะควรจะทำเช่นไร

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
suwit02
วันที่ 10 ส.ค. 2552

ขณะนี้ถึงเวลาของการศึกษาพระสัทธรรมครับ

พระสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ในกาลบางครั้งบางคราว

การที่พระสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ๑

การได้กำเนิดเป็นมนุษย์ ๑ การแสดงสัทธรรม ๑

ที่จะพร้อมกันเข้าได้ ............ หาได้ยากในโลก

ชนผู้ใคร่ต่อประโยชน์ จึงควรพยายามในกาลดังกล่าวมานั้น

ที่ตนพอจะรู้จะเข้าใจพระสัทธรรมได้

ขณะอย่าล่วงเลยท่านทั้งหลายไปเสีย

เพราะบุคคลที่ปล่อยเวลาให้ล่วงไป

พากันยัดเยียดในนรก ย่อมเศร้าโศกอยู่

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Blakdeath
วันที่ 10 ส.ค. 2552

เป็นเพียงสภาพธรรมที่เป็นกุศลและอกุศลปรากฏเกิดขึ้นแล้วดับไป สลับไปมาทั้ง 6 ทวาร ไม่มีอะไรของอะไร

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
kanchana.c
วันที่ 10 ส.ค. 2552

เมื่อเข้าใจเรื่องการเจริญสติปัฏฐาน เวลานี้ก็เป็นเวลาของการระลึกศึกษาลักษณะ

ของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ซึ่งเป็นขณะที่มีค่ามาก แต่เมื่อยังไม่เข้าใจ ก็ศึกษาและ

พิจารณาให้เข้าใจเรื่องการเจริญสติปัฏฐานก่อนค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
จำแนกไว้ดีจ๊ะ
วันที่ 10 ส.ค. 2552

ขณะ คือ ความพร้อมเพียง เป็นโอกาสอันยังกุศลให้เกิดขึ้น คือจักรสี่ มิได้เกิดขึ้นได้ง่ายเลย การอยู่ในประเทศที่สมควร ๑ การตั้งตนไว้ชอบ ๑ การคบบัณฑิต ๑ การเป็นผู้ทำบุญไว้ก่อนแล้ว ๑

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
orawan.c
วันที่ 10 ส.ค. 2552

ถึงเวลาของการอบรมเจริญปัญญา โดยการ

คบสัตบุรุษ

ฟังพระสัทธรรม

พิจารณธรรมโดยแยบคาย

ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม

เพื่อดับกิเลสโดยสิ้นเชิง แล้วถึงเวลาที่ไม่ต้องเห็น ได้ยิน ฯลฯ อีก

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
opanayigo
วันที่ 10 ส.ค. 2552

ขออนุญาตร่วมสนทนาธรรม ;

ถึงเวลาของสิ่งใด สิ่งนั้นก็ปรากฏ

ยังไม่ถึงเวลา ก็หาปรากฏไม่

ถึงปรากฏ ยังไม่ถึงเวลาให้รู้

ก็หารู้ไม่

แม้คำว่า "ถึงเวลา"

ก็ละเอียด ลึกซึ้ง รู้ตามได้ยาก

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 11 ส.ค. 2552

ขณะนี้ คือ วิบาก

จึงถึงเวลาของกรรมแล้ว

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ประสาน
วันที่ 12 ส.ค. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

ทุกอย่างเป็นธรรม เจริญธรรม ขออนุโมทนาครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
noynoi
วันที่ 12 ส.ค. 2552

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 12 ส.ค. 2552

ถึงเวลาที่......กรรมจะให้ผล

แต่หลังจากนั้นจิตจะเป็น....กุศลหรืออกุศล....ตรงนี้สำคัญกว่าค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
จำแนกไว้ดีจ๊ะ
วันที่ 13 ส.ค. 2552

ผมว่า "ขณะ" สำคัญกว่าครับ คุณไตรสรณคมน์

เพราะเป็นเหตุที่จะทำกุศลกรรมครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 13 ส.ค. 2552
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 13138 ความคิดเห็นที่ 14 โดย จำแนกไว้ดีจ๊ะ

ผมว่า "ขณะ" สำคัญกว่าครับ คุณไตรสรณคมน์เพราะเป็นเหตุที่จะทำกุศลกรรมครับ

เอ่อม....เวลาที่กุศลกับอกุศลเกิดขึ้นมาแต่ละทีเนี่ย.....กี่ขณะคะ?

แล้วอะไรเป็นเหตุ?

วิบากจิต กิริยาจิต เป็นเหตุได้หรือคะ?

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
pornpaon
วันที่ 13 ส.ค. 2552

ขณะนี้...ถึงเวลาให้ผลของกรรม

ขณะนี้...ถึงเวลาสะสมเหตุ

การให้ผลของกรรม จะเป็นกุศลวิบาก หรืออกุศลวิบาก

ไม่มีทางรู้ (และเลือกไม่ได้) จนกว่าจะเกิดขึ้น...ขณะนี้

การสะสมเหตุ จะเป็นกุศลจิต หรืออกุศลจิต

ไม่มีทางรู้ (และเลือกไม่ได้ มีอีกหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง) จนกว่าจะเกิดขึ้น...ขณะนี้

ตามปกติของตนเอง ขณะนี้ แม้จะเกิดขึ้นและดับไปแล้ว...ก็ยังไม่รู้

และมักเป็นการคิดนึกถึง ขณะที่ผ่านไปแล้ว มากกว่า

ขออนุโมทนาพี่เมตตา

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 13 ส.ค. 2552

ขณะที่เวลาผ่านไปด้วยจิตที่เป็นอกุศลชื่อว่าประมาทเชิญคลิกอ่าน...

ความประมาทเป็นไฉน [วิภังค์]

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
จำแนกไว้ดีจ๊ะ
วันที่ 14 ส.ค. 2552

ขณะคือโอกาสในการทำกุศล คือความพร้อมเพรียง คือจักร 4 ได้แก่การอยู่ในประเทศที่สมควร ๑การตั้งตนไว้ชอบ ๑ การคบบัณฑิต ๑ การเป็นผู้ทำบุญไว้ก่อนแล้ว ๑
ขณะในที่นี้ไม่ได้หมายถึงขณะจิตที่เป็นกุศลและอกุศลซึ่งเกิดที่ชวนวิถีจิต 7 ขณะ ที่สะสมสืบต่อในจิตโดยสภาพธรรมที่เป็นกุศลหรืออกุศลเกิดร่วมกับจิต
วิบากจิต กิริยาจิต ไม่ใช่เหตุครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
พงศ์ศิริ
วันที่ 15 ส.ค. 2552

ดีใจกับ คุณเคทเทอลีน บาววี จริงๆ

ถึงเวลาฟังธรรมของคุณแล้ว

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
กิเลสเน่าหนา
วันที่ 16 ส.ค. 2552

ขณะคือตามเหตุปัจจัย อาจเป็นได้ทั้งกุศล อกุศล วิบาก ก็ได้ครับ แต่ที่รู้ได้ก็ต้องมี

ปัจจัยให้เกิดความรู้ด้วย จนกว่าจะหมดจากความเป็นตนครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
คุณ
วันที่ 18 ส.ค. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
คุณ
วันที่ 18 ส.ค. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ