คิด...ตามประสบการณ์

 
opanayigo
วันที่  19 ก.ค. 2552
หมายเลข  12932
อ่าน  1,001

ขออนุญาตสนทนาธรรม ;

" คิด "

เป็นสภาพธรรมที่มีจริง

เกิดขึ้น

ตลอดเวลาหลังเกิดโลกทั้งหก

ห้ามคิดไม่ได้

หากสังเกตว่าเรื่องที คิด จะไม่มีอยู่จริง

ในขณะนั้น

.................

แต่เมื่อผัสสะกระทบ

คิด ก็เกิด ในปุถุชน

ซึ่งก็เป็นไป ตามประสบการณ์

ตามสัณชาติญาณ (หวาดระแวง+ป้องกันตัว ไม่ว่าสัตว์หรือบุคคล)

โดยกิจของสภาพธรรม+เหตุปัจจัย

ซึ่งเรื่องที่คิด ส่วนใหญ่มิได้เป็นอย่างที่คิด

เพราะโลกของใคร ก็โลกของคนนั้น

จะให้เขาเหมือนเรา

เราเหมือนเขา

มิอาจเป็นไปได้

เมื่อไม่รู้ ก็ยังคิด

ทุกวันนี้ เรา ตัดสินผู้อื่นด้วย คิด ตามประสบการณ์ของ เรา เองหรือเปล่า???

หรือ ด้วยความเข้าใจ ในความต่างกันตามประสบการณ์ชีวิต ???

.........................

ด้วยความเป็นมิตรและเมตตา

.........................

อนุโมทนาค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 20 ก.ค. 2552

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ขออนุโมทนา


 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 20 ก.ค. 2552

สิ่งทีปรากฏทางทวารทั้งห้าหลังจากเกิดขึ้นแล้ว....ก็คิดดังนั้นการสรุปหรือตัดสินผู้อื่น..มาจากความคิดคิดถูกหรือคิดผิด.....ขึ้นอยู่กับอะไร...และมีประโยชน์หรือไม่ที่สำคัญจิตขณะที่คิดเป็นกุศลหรืออกุศลหากไม่คิดหรือไม่ตัดสินใคร..มีแต่เมตตา..จะดีกว่าหรือไม่ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Pongpat
วันที่ 20 ก.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

ขออนุญาตสนทนาด้วยคนเช่นกัน

ผมสังเกตว่าเวลาไปสนิทชอบพอกับใคร แล้วเขาพูดถึงบุคคลที่ 3 ในทางที่ไม่ดี

เราก็มักจะมีใจเอนเอียงตามคำพูดของบุคคลที่เราชอบพอสนิทสนม

ทั้งๆ ที่บุคคลที่ 3 อาจจะไม่เป็นแบบนั้นเลยก็ได้

---

ผมเคยสนทนากับคนที่รู้สึกว่าอาจารย์ของเขามีโทสะมาก

เพราะชอบพูดสวนขึ้นมาและมีน้ำเสียงแข็ง

เขาคิดว่าถ้าพูดแบบนั้นต้องพูดด้วยโทสะแน่ๆ

แต่พอผมได้ฟัง ก็รู้ว่าไม่ใช่สักหน่อย พูดแบบนี้

เพื่ออนุเคราะห์ให้เข้าใจทันท่วงทีต่างหาก

ต่างกันที่โลกทางความคิดของแต่ละคนจริงๆ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
suwit02
วันที่ 20 ก.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ใจรวยริน
วันที่ 20 ก.ค. 2552

ยาก...ที่คนเราจะรู้ตัวและพิจารณาใน อกุศลความไม่ดีของตน

ถึงรู้ว่าเป็นอกุศล ก็ยังมีข้อแก้ตัวว่ามีเหตุผลต่างๆ รองรับ

แต่...มักจะเห็นอกุศลและความไม่ดีของคนอื่น

โดยเฉพาะคนที่ไม่ชอบอยู่แล้ว หรือว่าคนที่ไม่ใช่พรรคพวกของตน

ถ้าไม่ชอบเสียแล้ว...ต้องตัดสิน...ติเตียน...ลงโทษให้สาสม

จะให้เกิดเมตตา เป็นเรื่องที่ยาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้

พระผู้มีพระภาคแสดงธรรมไว้มากมาย เพื่อให้เป็นคนดี

แต่...บางที ศึกษาธรรมแล้ว เอาแต่จะไปไว้ดูอกุศลคนอื่น

ถ้าอยากให้ทุกคนเป็นคนดี

แต่ถ้าลืมดูอกุศลของตน

การศึกษาก็คงไม่ถูกทางอีกเช่นเคย

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 20 ก.ค. 2552

ผมเคยได้ยินจากการสัมมนาของชาวต่างประเทศเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ

เค้าว่า คนเราเป็นเครื่องจักรแห่งความคิด (Thinking machine)

ไม่อาจแยกได้ว่าอะไรคือ สิ่งที่ปรากฏ (What's so) กับ เรื่องราวที่ตนเองคิด (Stories)

และคนเราก็จะตัดสิน (Judge) ทุกสิ่งจากเรื่องราวของตนเองที่มีอยู่

ก็เป็นหลักจิตวิทยาเบื้องต้นนะครับ

ยังเป็นการเรียนชั้นอนุบาล

เมื่อเราได้ศึกษาโดยละเอียดในเรื่องของเหตุปัจจัยและกรรมของพระพุทธองค์

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ups
วันที่ 20 ก.ค. 2552

สาธุ

ขออนุญาตกล่าวถึงท่านอาจารย์ครับ

ท่านอาจารย์กล่าวว่า ไม่คิด ก็ไม่มี แต่ทั้งนี้ห้ามไม่ได้

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ajarnkruo
วันที่ 20 ก.ค. 2552

00445 สัตบุรุษเป็นผู้มีความคิดอย่างสัตบุรุษ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษเป็นผู้มีความคิดอย่างสัตบุรุษอย่างไร

คือ สัตบุรุษในโลกนี้


ย่อมไม่คิดเบียดเบียนตนเอง ไม่คิดเบียดเบียนผู้อื่น ไม่คิดเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่นทั้งสองฝ่าย


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล สัตบุรุษชื่อว่าเป็นผู้มีความคิดอย่างสัตบุรุษ.

เทวทหวรรคที่ ๑ จูฬปุณณมสูตรที่ ๑๐

มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ ๑๘๙


ธรรมเตือนใจวันที่ : 13 พ.ย. 2550

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pornpaon
วันที่ 20 ก.ค. 2552

ขอร่วมสนทนาค่ะ
.
.
.

การคิดและตัดสินสิ่งหนึ่งสิ่งใดในปุถุชน

ย่อมเกิดเป็นไปหลายหลากตามการที่ได้สั่งสมมา จากทั้งในอดีตและปัจจุบัน

...และะมีโอกาสที่จะ...

คิดว่า ถูกเป็นผิด

คิดว่า ผิดเป็นถูก

หรืออาจจะ

คิดว่า ถูกเป็นถูก

คิดว่า ผิดเป็นผิด

ได้อย่างถูกต้อง เที่ยงธรรม


ซึ่งขึ้นอยู่กับจิตแต่ละขณะจริงๆ ว่า ขณะนั้น จิตเป็นอย่างไร และ สะสมอะไรมามาก

ในการคิดและตัดสินอะไร...ถ้าขณะนั้นปัญญาระลึกได้ กุศลจิตเกิด

คิดและตัดสินด้วยเมตตา

ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อทั้งสองฝ่าย

ทั้งต่อผู้ให้ และผู้รับ

แน่นอน ดิฉันเองก็ยอมรับว่า ยังอยู่ในข่ายของการคิดทั้ง 4 แบบนั้น

ยังไม่ใช่ผู้ที่จะ...คิดว่า ถูกเป็นถูก ...คิดว่า ผิดเป็นผิด 100% ความเอนเอียงยังมี

กระทู้นี้และความคิดเห็นในการสนทนาของทุกท่าน

ดิฉันรู้สึกว่าเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาตนเองจริงๆ

ขอบพระคุณนะคะ

ขออนุโมทนาคุณ opanayigo

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
วันใหม่
วันที่ 20 ก.ค. 2552

คิดมีจริง คิดก็คือจิต เจตสิกที่ทำหน้าที่ คิดด้วยกุศลจิต คิดด้วยอกุศลจิต

คิดที่มีปัญญา คิดด้วยความหลงลืม

ต่างจิต ต่างใจ ตามการสะสม

ไม่มีใครตัดสิน ธรรมตัดสินในตัวของมันเองอยู่แล้ว

ประโยชน์ของการศึกษาพระธรรม

คือเข้าใจความจริงที่มีในขณะนี้

แม้สภาพธรรมที่คิดว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา

เบาด้วยความเข้าใจ

จึงไม่ใช่เรื่องของประสบการณ์แต่เป็นเรื่องของปัญญา

กลับมาที่ความเห็นถูกในสภาพธรรมที่มีในขณะนี้อีกครั้ง

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
khampan.a
วันที่ 20 ก.ค. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

คิด เป็นสภาพธรรมที่มีจริง กล่าวคือ เป็นนามธรรม (จิตกับเจตสิก) ที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ไม่ใช่เราที่คิด แต่เวลาพูดเวลาสนทนากันเพื่อสือให้เข้าใจตรงกัน ก็พูดได้ว่าเราคิด บุคคลนั้นคิด บุคคลนี้คิด เป็นต้น ที่สำคัญคือความเข้าใจที่ถูกต้องตรงตามความเป็นจริงว่าไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน ชีวิตที่ดำเนินไปในแต่ละวัน เป็นจิตแต่ละขณะเกิดดับสืบต่อกันอย่างไม่ขาดสายสำหรับปุถุชนผู้หนาแน่นไปด้วยด้วยกิเลส ยังเต็มไปด้วยกิเลสทุกๆ ประการ เพราะยังละกิเลสอะไรๆ ไม่ได้ การคิดด้วยอำนาจของอกุศล จึงมีมากกว่า ขณะที่จิตเป็นกุศลนั้นเกิดน้อยมาก เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงควรอย่างยิ่งที่จะศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม

ซึ่งจะทำให้รู้จักตัวเองตามความเป็นจริงว่ามีกิเลสมาก เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง สำรวมกาย วาจา ใจของตนเอง แทนที่จะไปตัดสินหรือวุ่นวายกับพฤติกรรมของบุคคลอื่น
ดังนั้น กิจสำคัญที่ควรกระทำ คือ การอบรมเจริญปัญญาเพื่อละกิเลสของตนเอง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
yupa
วันที่ 21 ก.ค. 2552

กระทู้นี้ดีมาก เป็นปัญหาในชีวิตประจำวัน คิดมากจริงๆ อาการสงบเกิดไม่บ่อยนัก พยายามฟังการสนทนาธรรมให้มากที่สุด แต่ปัญญาก็เกิดน้อยมาก เมื่อใดเราเล่นกับความคิด ความคิดก็เล่นเราไม่เลิกเลย อกุศลเกิดทุกเมื่อ เข้าลักษณะคิดเอง เข้าใจเองและ สุดท้ายคือ ตัดสินคนอื่นด้วยความคิดของเรา บังคับบัญชาไม่ได้จริงๆ

ขออนุโมทนากุในศลจิตของทุกๆ ท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 21 ก.ค. 2552

คิดแล้ว.....ดับแล้ว

ทำอะไรได้

คิดอีก.....ดับอีก

ทำอะไรได้อีก

เมื่อไหร่ที่สติปัฏฐานเกิด........คิดก็เป็นเพียงคิด

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
choonj
วันที่ 21 ก.ค. 2552


หลังเกิดโลกทั้งหก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็ติดตามมาทันที่ด้วยความคิดนึก เป็นอยู่

ทุกวินาที จึงว่าเป็น เครื่องจักรแห่งความคิด thinking machine รู้สึกได้มั้ยครับว่า

ทุกวินาทีนี้น่ะ กำลังคิดนึกอยู่ เมื่อคิดอยู่ก็มี คิดถูก คิดผิด ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ตัดสิน

ผู้อื่นด้วยความคิดตามประสบการณ์ จึงเป็น so what แล้วยังไงก็เป็นแค่ความคิด ใน

ขณะที่อยู่ในความคิด story ไม่ว่าจะคิดถูกหรือผิด ฯลฯ ไม่ใช่สติปัฏฐาน แล้วเราก็ติด

อยู่ตรงนี้ ติดอยู่กับความคิด อริยเจ้าไม่ติดอยู่ตรงนี้ ท่านรู้ว่าคิดก็เป็นธรรมประเภทหนึ่ง

สติสามารถระลึกเห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริง ไม่ใช่เรา แล้วเราล่ะ ยังติดอยู่ใน

เครื่องจักรแห่งความคิด หรือว่าเห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริง ผมว่ายังติดอยู่ใน

ความคิดมากกว่า เพราะว่ามันยากมากนะครับต้องใช้เวลานาน ถึงแม้จะรู้ว่า คิด เป็น

ธรรม ถ้าสังเกตุดีๆ ก็ยังเป็นความคิดอยู่ดี จึงต้องอยู่ในโลกแห่งความคิดนึกต่อไป เห็น

ก็คิด ได้ยินก็คิด เร็วมาก นี่คือความอัศจรรย์ของชีวิตที่ได้มา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
wanchai2504
วันที่ 21 ก.ค. 2552

"...จึงควรอย่างยิ่งที่จะศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ซึ่งจะทำให้รู้จักตัวเองตามความ

เป็นจริงว่ามีกิเลสมาก เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง สำรวมกาย วาจา ใจของตนเอง

แทนที่จะไปตัดสิน หรือวุ่นวายกับพฤติกรรมของบุคคลอื่น ดังนั้น กิจสำคัญที่ควร

กระทำ คือ การอบรมเจริญปัญญาเพื่อละกิเลสของตนเอง ครับ..." ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
pornpaon
วันที่ 21 ก.ค. 2552

ความคิดเห็นที่ 10 วันใหม่

คิดมีจริง คิดก็คือจิต เจตสิกที่ทำหน้าที่ คิดด้วยกุศลจิต คิดด้วยอกุศลจิต

คิดที่มีปัญญา คิดด้วยความหลงลืม

ต่างจิต ต่างใจ ตามการสะสม

ไม่มีใครตัดสิน ธรรมตัดสินในตัวของมันเองอยู่แล้ว

ประโยชน์ของการศึกษาพระธรรม

คือเข้าใจความจริงที่มีในขณะนี้

แม้สภาพธรรมที่คิดว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา

เบาด้วยความเข้าใจ

จึงไม่ใช่เรื่องของประสบการณ์แต่เป็นเรื่องของปัญญา

กลับมาที่ความเห็นถูกในสภาพธรรมที่มีในขณะนี้อีกครั้ง

สาธุ

ความคิดเห็นที่ 11 khampan.a

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น คิด เป็นสภาพธรรมที่มีจริง กล่าวคือ เป็นนามธรรม (จิตกับเจตสิก) ที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ไม่ใช่เราที่คิด แต่เวลาพูดเวลาสนทนากันเพื่อสือให้เข้าใจตรงกัน ก็พูดได้ว่าเราคิด บุคคลนั้นคิด บุคคลนี้คิด เป็นต้น ที่สำคัญคือความเข้าใจที่ถูกต้องตรงตามความเป็นจริงว่าไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน ชีวิตที่ดำเนินไปในแต่ละวัน เป็นจิตแต่ละขณะเกิดดับสืบต่อกันอย่างไม่ขาดสายสำหรับปุถุชนผู้หนาแน่นไปด้วยด้วยกิเลส ยังเต็มไปด้วยกิเลสทุกๆ ประการ เพราะยังละกิเลสอะไรๆ ไม่ได้ การคิดด้วยอำนาจของอกุศล จึงมีมากกว่า ขณะที่จิตเป็นกุศลนั้นเกิดน้อยมาก เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงควรอย่างยิ่งที่จะศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม

ซึ่งจะทำให้รู้จักตัวเองตามความเป็นจริงว่ามีกิเลสมาก เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองสำรวมกาย วาจา ใจของตนเอง แทนที่จะไปตัดสินหรือวุ่นวายกับพฤติกรรมของบุคคลอื่น
ดังนั้น กิจสำคัญที่ควรกระทำ คือ การอบรมเจริญปัญญาเพื่อละกิเลสของตนเอง ครับ

...
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

^
^
^

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
เมตตา
วันที่ 21 ก.ค. 2552

ทุกวันนี้ต่างคนต่างคิด...คิดไปในเรื่องราวต่างๆ ตามการสะสมของแต่ละคน ตามเหตุ

ปัจจัย คิดมีหลายขั้น ทันทีที่เห็น ได้ยิน...ก็คิดเป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้าง ตามการสะสม ในชีวิตประจำวันโดยส่วนมากคิดไปในอกุศลมากกว่ากุศล และเป็นโลภเกือบ

ทั้งวัน....ขณะที่ฟังพระธรรม คิดพิจารณาธรรมแล้วเข้าใจ ขณะนั้นคิดเป็นกุศล..เบา..

สงบ..สบายค่ะ ค่อยๆ อบรมความรู้ความเข้าใจในสภาพธรรมที่กำลังปรากฎเป็นสิ่งที่

สำคัญที่สุด จนกว่าปัญญาจะเกิดตรึกในลักษณะสภาพธรรมตรงตามความเป็นจริง

ว่าเป็นเพียงสภาพธรรมไม่ใช่เรา ........


เรื่องที่คิดไม่มีจริง แต่คิดเป็นสภาพธรรมที่มีจริง

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
ย่ารติ
วันที่ 4 ก.ย. 2552
ถ้าไม่มี....คิด....ในปัจจุบันสมัย ก็จะไม่พ้นทุกข์ เพราะสภาพโดยทั่วๆ ไปที่มากระทบมาเร็ว แรง และ มีอบายมากมายที่จะส่งผลให้คล้อยตามไปโดยอัตโนมัติ.....คิดจึงต้องควบคู่ไปกับสติ ได้ไหมคะ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
wannee.s
วันที่ 4 ก.ย. 2552

สำคัญที่ความเข้าใจ คิดเป็นกุศลก็ได้ คิดเป็นอกุศลก็ได้ เช่น ขณะที่คิดจะฟังธรรม

คิดจะเป็นคนดีและทำดีเป็นกุศล ขณะนั้นก็มีสติแกิดร่วมด้วย แต่ถ้าคิดจะเบียดเบียน

ด้วยกาย ด้วยวาจา หรือคิดร้ายคนอื่นเป็นอกุศล ขณะนั้นหลงลืมสติ สติไม่เกิดค่ะ

ส่วนสติปัฏฐานต้องเป็นปัญญาที่ระลึกตรงลักษณะปรมัตถธรรมที่มีจริง ไม่ใช่ขั้นคิดค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ