เรื่องวิญญาณล่องลอย
สวัสดีครับ ขออนุญาตเล่าให้ฟังและเรียนถามดังนี้ครับ
ได้สนทนากับบุคคลที่บอกว่า เวลาเห็นคนตาย จะเห็นวิญญาณของคนนั้นล่องลอยออกไปด้วย ผมจึงค้นอ่านในบ้านธัมมะ จึงเกิดสงสัยว่า หลังจุติจิตดับไป ก็ปฏิสนธิเป็นภพใหม่ทันทีรวดเร็วมาก เป็นไปได้ไหมครับว่า วิญญาณที่เค้าเห็น เป็นกายของสัตว์อีกภพหนึ่ง แต่พอเห็นเป็นกายแบบนั้น จึงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นวิญญานกำลังล่องลอยไปเกิด
ถ้าท่านเข้าใจคำว่าวิญญาณตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าจะไม่มีคำว่าวิญญาณล่องลอย เพราะวิญญาณก็คือจิต ทุกขณะในชีวิตประจำวันมีวิญญาณตลอดเวลาคือ ทางตาเห็น ทางหูได้ยิน ทางจมูกรู้กลิ่น ทางลิ้นรู้รส ทางกายกระทบโผฏฐัพพะทางใจคิดนึก ทั้งหมดเป็นวิญญาณคือสภาพรู้ ส่วนที่เค้าเห็นกันเป็นรูปร่างต่างๆ นั้น ก็เป็นไปได้ว่าเป็นอมนุษย์ก็ได้ แต่ความจริงแล้วสิ่งใดที่ตาเห็นได้ เป็นเพียงรูปประเภทหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่สัตว์บุคคลใดๆ เลย..
ขอเรียนถามคุณ pongpat ค่ะ
เคยอ่านเรื่องเกี่ยวกับวิญญาณหลังความตายและสงสัยเหมือนกัน ทำไมบางท่านก็กล่าวว่าหลังตายแล้วก็อยู่ในสภาพเหมือนภพเดิมก่อนตาย (คือรูปร่างหน้าตาเหมือนค่ะแต่ไม่สามารถสัมผัสจับต้องได้) จริงหรือไม่คะ และที่คุณ pongpat เล่ามา สิ่งที่เขาเห็นนั้น เห็นรูปร่างหน้าตาเป็นแบบไหนคะ
ถ้าหากเหมือนภพเดิม คงขัดแย้งกับคำสอนของพระพุทธองค์อย่างมาก เพราะถ้าตายแล้วเกิดในภพใหม่ทันที กรรมที่นำเขาไปเกิดคงไม่บังเอิญให้ทุกอย่างอยู่ในสภาพเดิมมั๊งคะ
และรูปกาย ที่ผู้มีตาทิพย์เห็นนั้น คือเหล่าเทวดาชั้นต่ำ และเปรตเท่านั้นใช่หรือไม่
ส่วนพวกสัตว์นรกและอสูรกาย มีโอกาสออกจากนรกมาให้เห็นได้หรือเปล่าคะ
ในพระไตรปิฏกแสดงไว้ว่า ตอนที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ วันนั้น
เป็นวันเปิดโลก มนุษย์และสัตว์นรกเทวดาเห็นกันหมดโดยที่ไม่ต้องแหงนหน้าดูกันค่ะ
อีกเรื่องหนึ่งในคาถาธรรมบทก็แสดงไว้ว่า ท่านลักขณเถระ ท่านเห็นเปรตงูเหลือมค่ะ
เรียนเสริมความเห็นที่ 2
เมื่อจุติจิตเกิด (ตาย) ปฏิสนธิเกิดต่อทันที เป็นบุคคลใหม่ ภพใหม่ ซึ่งก็แล้วแต่ว่า
กรรมใดทำให้เป็นบุคคลใด ภพใด ส่วนในกรณ๊ของการที่บุคคลที่ตายแล้ว มาปรากฎให้
เห็นเป็นบุคคลเดิมนั้นก็อาจเป็นไปได้ อย่างในพระไตรปิฎกเรื่อง เรื่องมัฏฐกุณฑลี บุตร
ของเศรษฐีได้ตายไป เศรษฐีเศร้าโศกมาก บุตรเศรษฐีที่ตายไปเกิดเป็นเทวดา ต้อง
การ จะอนุเคราะห์บิดาผู้มีความเศร้าโศก จึงปรากฎให้เห็นเหมือนกับชาติที่ตัวเองเป็น
บุตรของเศรษฐี และสามารถทำให้เศรษฐีหายเศร้าโศก และนับถือพระพุทธศาสนา แต่ไม่ควรลืมว่าสิ่งที่ควรสนใจจริงๆ คือการละคลายความไม่รู้ที่มีในขณะนี้
ไม่รู้ว่าขณะนี้เป็นธรรมไม่ใช่เรา
ถ้าได้ศึกษาพระอภิธรรม จิตเกิดที่ไหนดับที่นั้น ถ้าเกิดในภูมิที่มีขันธ์ ๕ คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์ จิตเกิดดับที่รูป จิตไม่ล่องลอย จิต เจตสิก และรูป เป็นสังขารธรรม เป็นธรรมที่เกิดแล้วดับไป ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา วิญญาณไม่ปรากฏทางตา ไม่ใช่รูปารมณ์หรือรูปที่ปรากฏทางตา จึงไม่สามารถเห็นวิญญาณล่องลอยได้ นอกจากสิ่งที่ปรากฏทางตา แล้วคิดต่อทางใจ เพราะการเกิดดับสืบต่อของรูปที่ปรากฏทางตา ทำให้เห็นเป็นนิมิต รูปร่าง สัณฐาน เป็นเรื่องราวให้รู้ได้ ตามที่จิตทางใจจะปรุงแต่งและสัญญาที่เคยจำคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ขณะนี้ก็มีจิตเห็นทางตา จิตคิดนึกต่อทางใจ จิตเกิดดับ สืบต่อกันรวดเร็วมาก เป็นสิ่งที่มีจริง เป็นธรรม