พระสูตรเรื่องอนัตถปุจฉกพราหมณ์

... สนทนาธรรมที่ ...
>>> มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา <<<
พระสูตร ที่นำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ
วันเสาร์ ๑๖ พ.ค. ๒๕๕๒ เวลา ๐๙:๐๐ - ๑๒:๐๐น. คือ
เรื่องอนัตถปุจฉกพราหมณ์
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่มที่ ๔๑ - หน้าที่ ๔๔๖

![]()
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่มที่ ๔๑ - หน้าที่ ๔๔๖
๕. เรื่องอนัตถปุจฉกพราหมณ์ [๘๔]
ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภอนัตถปุจฉก-พราหมณ์ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "อตฺตา หเว" เป็นต้น.
ความพินาศย่อมมีแก่ผู้เสพกรรม ๖ อย่าง ได้ยินว่า พราหมณ์นั้นคิดว่า "พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างเดียวหรือหนอแล? หรือทรงทราบแม้สิ่งมิใช่ประโยชน์; เราจักทูลถามพระองค์" ดังนี้แล้ว จึงเข้าไปเฝ้าพระศาสดาทูลถามว่า "พระเจ้าข้า พระองค์เห็นจะทรงทราบสิ่งที่เป็นประโยชน์
อย่างเดียว. ไม่ทรงทราบสิ่งที่มิใช่ประโยชน์." พระศาสดา. พราหมณ์ เราะรู้ทั้งสิ่งที่เป็นประโยชน์ ทั้งสิ่งที่มิใช่
ประโยชน์. พราหมณ์. ถ้าเช่นนั้น ขอพระองค์จงตรัสบอกสิ่งที่มิใช่ประโยชน์แก่ข้าพระองค์เถิด. ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสพระคาถานี้ แก่พราหมณ์นั้นว่า
"การนอนจนตะวันขึ้น (นอนตื่นสาย) ความ เกียจคร้าน ความดุร้าย การผัดวันประกันพรุ่ง การ เดินทางไกลของคนคนเดียว การเข้าไปเสพภรรยาของ ผู้อื่น พราหมณ์ ท่านจงเสพกรรม ๖ อย่าง นี้เถิด, สิ่งมิใช่ประโยชน์ [ความพินาศ] จักมีแก่ท่าน."
พราหมณ์ฟังพระพุทธดำรัสนั้นแล้ว ได้ให้สาธุการว่า "ดีละดีละ ท่านผู้เป็นอาจารย์ของคณะ ท่านผู้เป็นใหญ่ในคณะ, พระองค์เทียว ย่อมทรงทราบทั้งสิ่งที่เป็นประโยชน์ ทั้งสิ่งที่มิใช่ประโยชน์." พระศาสดา. อย่างนั้นพราหมณ์, ขึ้นชื่อว่าผู้รู้สิ่งที่เป็นประโยชน์
และสิ่งมิใช่ประโยชน์ เช่นกับด้วยเราไม่มี. ลำดับนั้น พระศาสดาทรงตรวจดูอัธยาศัยของพราหมณ์นั้นแล้วจึงตรัสถามว่า " พราหมณ์ ท่านเป็นอยู่ (เลี้ยงชีพ) ด้วยการงานอะไร?" พราหมณ์. ด้วยการงานคือเล่นสกา (การพนัน) พระโคดมผู้เจริญ พระศาสดา. ก็ท่านชนะหรือแพ้เล่า?
ชนะตนเป็นการชนะประเสริฐ เมื่อพราหมณ์นั้นทูลว่า "ชนะบ้าง แพ้บ้าง" ดังนี้แล้ว พระ-
ศาสดาจึงตรัสว่า "พราหมณ์ นั่นยังมีประมาณน้อย. ขึ้นชื่อว่าความ
ชนะของบุคคลผู้ชนะผู้อื่นไม่ประเสริฐ; ส่วนผู้ใดชนะตนได้ ด้วยชนะ
กิเลส, ความชนะของผู้นั้นประเสริฐ; เพราะว่าใครๆ ไม่อาจทำความ
ชนะนั้นให้กลับพ่ายแพ้ได้" เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถาเหล่านั้นว่า :-
๔. อต ตา หเว ชิตํ เสยฺโย ยา จายํ อิตรา ปชา อตฺตทนฺตสฺส โปสสฺส นิจฺจํ สญฺญตจาริโน เนว เทโว น คนฺธพฺโพ น มาโร สห พฺรหฺมุนา ชิตํ อปชิตํ กยิรา ตถารูปสฺส ชนฺตุโน.
"ตนนั่นแล บุคคลชนะแล้ว ประเสริฐ, ส่วน หมู่สัตว์นอกนี้ บุคคลชนะแล้ว ไม่ประเสริฐเลย, (เพราะ) เมื่อบุรุษฝึกตนแล้ว ประพฤติสำรวมเป็น นิตย์, เทวดา คนธรรพ์ มาร พร้อมทั้งพรหม พึง ทำความชนะของสัตว์เห็นปานนั้นให้กลับแพ้ไม่ได้
เลย."
![]()
แก้อรรถ
ในพระคาถานั้น ศัพท์ว่า หเว เป็นนิบาต. ศัพท์ว่า ชิตํ เป็นลิงควิปลาส. ความว่า ตนอันบุคคลชนะแล้ว ด้วยความชนะกิเลสของตน ประเสริฐ.
บาทพระคาถาว่า ยา จายํ อิตรา ปชา ความว่า ส่วนหมู่สัตว์นี้ใด คือ ที่เหลือ พึงเป็นผู้อันเขาชนะ ด้วยการเล่นสกาก็ดี ด้วยการฉ้อทรัพย์ก็ดี ด้วยการครอบงำพลในสงครามก็ดี, ความชนะที่บุคคลผู้ชนะหมู่สัตว์นั้นชนะแล้ว ไม่ประเสริฐ.
ถามว่า "ก็เหตุไร ? ความชนะนั้นเท่านั้นประเสริฐ, ความชนะนี้ไม่ประเสริฐ." แก้ว่า "เพราะเมื่อบุรุษฝึกตนแล้ว ฯลฯ ของสัตว์เห็นปานนั้น
ให้กลับแพ้ไม่ได้."
พระศาสดาตรัสคำนี้ไว้ว่า "เพราะว่า เมื่อบุรุษผู้ชื่อว่าฝึกตนแล้ว
เพราะเป็นผู้ไร้กิเลส ไม่มีกิเลสเพียงดังเนิน มีปกติประพฤติสำรวม
ทางกายเป็นต้นเป็นนิตย์, เทวดาก็ดี คนธรรพ์ก็ดี ก็หรือมารพร้อม
ทั้งพรหม แม้พากเพียรพยายามอยู่ว่า ' เราจักทำความชนะของผู้นั้นให้
กลับแพ้, จักทำกิเลสทั้งหลายที่เขาละได้ด้วยมรรคภาวนาให้เกิดอีก,ก็ไม่พึงอาจเลย เพื่อจะทำ (ความชนะ) ของสัตว์เห็นปานนั้น คือ ผู้สำรวม แล้ว ด้วยการสำรวมทางกายเป็นต้น เหล่านั้น ให้กลับแพ้เหมือนผู้แพ้ด้วยทรัพย์เป็นต้นแล้วเป็นปรปักษ์ ชนะผู้ที่คนนอกนี้ชนะแล้ว พึงทำให้กลับแพ้อีกฉะนั้น" ในเวลาจบเทศหา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.
เรื่องอนัตถปุจฉกพราหมณ์ จบ.

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เรื่อง อนัตถปุจฉกพราหมณ์
(ว่าด้วยพราหมณ์ผู้ถามถึงสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์) ข้อความโดยสรุป พราหมณ์คนหนึ่ง คิดว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรู้เฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์เท่านั้นหรือ ทรงรู้สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ด้วย จึงเข้าไปเฝ้าถามถึงสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์กับพระองค์ และพราหมณ์นั้นได้รับคำตอบถึงสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ อันจะนำมาซึ่งความพินาศ ดังต่อไปนี้ คือ ๑. การนอนตื่นสาย ๒ .ความเกียจคร้าน ๓. ความดุร้าย ๔. การผัดวันประกันพรุ่ง ๕. การเดินทางไกลคนเดียว ๖.การเข้าไปเสพภรรยาของผู้อื่น ต่อมาพระผู้มีพระภาคตรัสถามถึงการเลี้ยงชีพของพราหมณ์ ว่า เลี้ยงชีพด้วยการงานอะไร เมื่อทรงทราบว่าเขาเลี้ยงชีพด้วยการเล่นการพนันซึ่งบางครั้งก็ชนะ บางครั้งก็แพ้พระองค์จึงได้ทรงแสดงในเรื่องนี้ไว้ว่า ความชนะของบุคคลผู้ชนะผู้อื่น ไม่ประเสริฐส่วนผู้ใดชนะตนได้ ด้วยการชนะกิเลส ความชนะของผู้นั้น ประเสริฐ เพราะว่าใครๆ ไม่อาจทำความชนะให้กลับมาเป็นความพ่ายแพ้ได้” และได้ตรัสพระคาถา ความว่า“ตน นั่นแล อันบุคคลชนะแล้ว ประเสริฐ” เป็นต้น. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...




