ใส่บาตรพระที่ออกจากนิโรธสมาบัติ

 
Nareopak
วันที่  28 มี.ค. 2552
หมายเลข  11792
อ่าน  4,720

เพื่อนชวนไปใส่บาตรพระสงฆ์รูปหนึ่งทางภาคเหนือ (ด้วยว่าท่านจะออกจากนิโรธ สมาบัติเพียงปีละครั้ง) ตัวเองก็พอจะทราบถึงอานิสงส์ของการได้ใส่บาตรกับพระ ผู้ซึ่งออกจากนิโรธสมาบัติ เมื่อมาพิจารณาดู ถ้าไป ก็ไม่ใช่ไปเพราะมีศรัทธาเป็นตัวนำ แต่จะเป็นกิเลสเป็นตัวนำเสียมากกว่า (ซึ่งต่างจากการไปสังเวชนียสถานครั้งที่สองของดิฉันเมื่อ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ไปด้วยแรงศรัทธา) จึงคิดว่าไม่ สมควรไป ไม่ทราบว่าที่ดิฉันมีความคิดเห็นเช่นนี้เป็นความคิดเห็นที่มีเหตุผลสมควร หรือไม่อย่างไร ขอรับฟังความคิดเห็นจากกัลยาณมิตรทางธรรมที่นับถือทุกท่านค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
pornpaon
วันที่ 29 มี.ค. 2552

ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ

ตามที่ฟังธรรมมาระยะหนึ่ง ประกอบกับความจริงที่ว่า ปัจจุบันนี้ เป็นช่วงพันปีที่ สามหลังพุทธปรินิพพาน ซึ่ง เป็นยุคที่ไม่มีผู้มีฌานจิตมากแม้ขั้นอัปปนาสมาธิ (ซึ่งหาก ได้ฌาน ก็จะเป็น ปฐมฌาน) แต่ผู้ที่จะได้ฌานสมาบัติ จนถึงขั้นเข้าออกนิโรธสมาบัติ ได้ ควรแคล่วคล่องในฌานทั้งรูปฌานและอรูปฌานทั้งสิ้น (ฌานสมาบัติ ๘) เป็นการ เล่าสู่กันฟังตามที่ศึกษามา (ผิดถูกอย่างไรในเรื่องนี้ ต้องขออณุญาตรบกวนอาจารย์ วิทยากรแนะนำแก้ไขอีกทีค่ะ) คุณนฤภัคมีความคิดเห็นเรื่องนี้อย่างไรคะ เชื่อทันที หรือว่า ขอพิจารณาตามเหตุผลก่อน

เมื่อมาพิจารณาดู ถ้าไป ก็ไม่ใช่ไปเพราะมีศรัทธาเป็นตัวนำ แต่จะเป็น กิเลสเป็นตัวนำเสียมากกว่า ขออนุโมทนานะคะ

ปกติที่ฟัง คุณนฤภัคเป็นผู้ละเอียด รอบคอบในการคิดเรื่องต่างๆ แม้กระทั่งการไม่แจกหนังสือที่เป็นความเห็นผิดกับผู้อื่น คิดว่าคุณนฤภัคย่อมทราบว่า เหตุผลที่คุณกล่าวมานั้น เป็นเหตุเป็นผล สมควรหรือไม่ สมควรอย่างไร แต่ถ้าหากไป ด้วยใจมุ่งใส่บาตรเพื่อน้อมบูชาระลึกถึงคุณของพระอริยสงฆ์สาวกทั้งหลาย การใส่บาตรพระภิกษุรูปใดก็ย่อมให้ผลแบบเดียวกัน ใช่รึเปล่าคะ

ขออนุโมทนาในกุศลจิต กุศลศรัทธา และกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
suwit02
วันที่ 29 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 29 มี.ค. 2552
แนะนำให้มาฟังธรรมะที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา มีประโยชน์ต่อการอบรมปัญญาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 29 มี.ค. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อัธยาศัยของแต่ละบุคคลแตกต่างกันไปตามการสะสม มีความคิด มีการพูดและการกระทำที่แตกต่างกันออกไป แต่ผู้ที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรม ได้ศึกษาพระธรรม และมีความเข้าใจที่ค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับ ย่อมจะมีความมั่นคงในความถูกต้อง มั่นคงในเหตุในผล รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ เมื่อมีความรู้ มีความเข้าใจอย่างนี้แล้ว ย่อมสามารถจะเกื้อกูลบุคคลอื่นให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง แนะนำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ได้อีกด้วย

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อนี้ครับ

นิโรธสมาบัติ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
paderm
วันที่ 29 มี.ค. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ไม่ควรประมาทในการเจริญกุศลทุกๆ ประการ แต่ควรพิจารณาด้วยปัญญาว่าเป็นสิ่ง ที่ถูกต้องหรือไม่ การให้ทาน การเจริญกุศลประการต่างๆ ก็เป็นไปเพื่อละ เพื่อขัดเกลา กิเลสทั้งสิ้น ไม่ใช่เพื่อได้แต่เป็นไปเพื่อละ ความเห็นถูก ความเข้าใจถูก ย่อมเป็นปัจจัย ให้ไม่ประมาทในการเจริญทุกประการ แต่ด้วยความเห็นถูกและเป็นไปเพื่อละทั้งหมด แม้ความต้องการที่ที่จะได้กุศลครับ

ขออนุโมทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Nareopak
วันที่ 30 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาทุกท่านที่เมตตาแสดงความคิดเห็นค่ะ

การฟังธรรมเป็นประจำช่วยขัดเกลาอุปนิสัยของเราได้จริงๆ โดยสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวของเราเองเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสล่องแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยเรือสำราญขนาดใหญ่ ดนตรีไพเราะเสนาะหู อาหารเลิศรส บรรยากาศของงานและสายลมเย็น ทำให้รู้สึกหลงเพลิดเพลินไปเป็นชั่วโมง จึงมีความคิดแว่บเข้ามา "นี่ขนาดอยู่บนโลกมนุษย์เรายังหลงเพลินเพลินไปกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้.. แล้วหากไปเกิดในสวรรค์ (ซึ่งตัวเองเคยอธิษฐานว่าหากยังไม่ได้บรรลุธรรมในโลกมนุษย์ ขอให้ได้ไปบรรลุธรรมในชั้นสวรรค์) ..ซึ่งเสกสรรเองได้ทุกอย่างจะไม่ยิ่งเพลิดเพลินไปกว่านี้เหรอ.. (บอกกับตัวเองใหม่ ฟังธรรมให้เข้าใจในโลกมนุษย์ก่อนเถิดแล้วค่อยคิดที่จะไปฟังธรรมต่อบนสวรรค์)

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 22 ก.พ. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ