ปัญญา รู้อะไร อย่างไร...? (๒)

 
พุทธรักษา
วันที่  26 มี.ค. 2552
หมายเลข  11782
อ่าน  963

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ท่านผู้ฟัง เข้าใจว่า จะต้อง "ทำสมาธิ" เสียก่อน เช่น สวดอิติปิโส หลายๆ ครั้ง จนจิตไม่ฟุ้งซ่าน เมื่อจิต ไม่ฟุ้งซ่านแล้ว จิต มั่นแล้ว แน่วแน่แล้วจึงจะใช้ ปัญญา พิจารณา สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา.เช่น พิจารณา ความแก่ ความเจ็บ ความตายหรือ พิจารณา สภาพธรรม ตามความเป็นจริง.เช่น ที่กำลัง "เห็น" ในขณะนี้ ท่านผู้ฟัง บอกว่า ต้องให้จิต เป็นสมาธิ เสียก่อนต้องรักษาใจให้มั่น ถ้าใจไม่มั่น ก็ทำอะไรไม่ได้ การอบรมเจริญ อริยมรรคมีองค์ ๘ คือ การอบรมเจริญ สติปัฏฐาน ๔ เพราะฉะนั้น ก่อนอื่น จะต้องเข้าใจ ความหมายของ คำว่า "สติ"

"ลักษณะ" ของสภาพธรรมที่เป็น "สติปัฏฐาน" ก็คือ ขณะที่กำลังระลึกรู้ ลักษณะ ของสิ่งที่กำลังปรากฏ ซึ่ง เป็นความรู้ ที่ต้องรู้ขึ้นๆ ทีละเล็ก ทีละน้อย.และไม่ใช่ "สมาธิปัฏฐาน" ถ้าหากต้องไปทำสมาธิ เสียก่อนแล้วก็เอาสมาธินั้น มารู้นั่น มารู้นี่ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ต้องเป็น "สมาธิปัฏฐาน" แต่นี่ไม่ใช่ "สมาธิปัฏฐาน" นี้เป็น "สติปัฏฐาน" เพราะฉะนั้น ท่านผู้ฟังสามารถที่จะพิสูจน์ได้ ท่านผู้ฟัง ก็เคยมี "ศีล" มาแล้วและท่าน ก็เคยทำสมาธิ มาแล้ว แล้วท่าน เอาสมาธิ อะไร มารู้ ในลักษณะ ของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏ ทางตา ในขณะนี้ท่าน เอาสมาธิ มารู้ ได้ยังไง ขณะที่กำลัง "เห็น" นี้ ท่านลองเจริญสมาธิ แล้วก็ เอาสมาธิ ที่ว่านั้น มารู้ ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏทางตา ในขณะนี้ ท่านผู้ฟัง บอกว่า จิตฟุ้งซ่าน จิตก็ไม่เป็นสมาธิเสียแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าเอาสมาธิ มารู้ลักษณะของสภาพธรรมขณะนี้ ไม่ได้ก็เจริญสติปัฏฐาน ระลึกรู้ ลักษณะ ของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ในขณะนี้ ตามปกติ ตามความเป็นจริง

สติปัฏฐาน ที่ระลึกรู้ ลักษณะ ของสิ่งที่ปรากฏทางตา กว่าที่จะมี ความชำนาญ และ กว่าที่จะมี ความชิน ในการที่จะรู้ ในลักษณะ ของสภาพรู้ คือ "การเห็น" ว่า ขณะที่เห็น นั้น ไม่ใช่ ตัวตน ที่กำลัง "เห็น" และรู้ว่า สิ่งที่กำลังปรากฏทางตา เป็นสิ่งที่มีจริง เป็นของจริง ที่ปรากฏให้รู้ได้ เพียงทางตาเท่านั้น เป็นของจริง ที่ไม่สามารถ ปรากฏทางอื่น ได้เลย.สิ่งที่มีจริง ที่ปรากฏให้รู้ "ลักษณะ" ได้นั้นก็ปรากฏได้ แต่ละทางๆ ปรากฏได้ แต่ละอย่างๆ ถ้าเป็น ทางตา ก็เป็น สีสัน วัณณะ ต่างๆ ซึ่งต้องอาศัย ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ถ้าไม่มีทั้ง ๔ ธาตุ นี้ สีสัน วัณณะ ก็ปรากฏไม่ได้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่มีจริงต่างๆ ที่เคยยึดถือว่า เป็น ตัวตน นั้น ประกอบด้วย ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ธาตุ คือ ของจริง มีลักษณะ และ ปรากฏได้โดย ปรากฏ ให้รู้ได้ แต่ละทางๆ แต่ละอย่างๆ เพราะฉะนั้น การที่ สติ ระลึกรู้ ลักษณะ ของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏ ตามปกติ ตามความเป็นจริง สติ ต้องระลึกรู้ บ่อยๆ เนืองๆ จนกว่า ปัญญา ที่เป็น วิปัสสนาญาณ รู้แจ้งแทงตลอด ใน ลักษณะ ของสภาพธรรม ซึ่ง กำลังปรากฏ โดยการ รู้จริงๆ ใน "ลักษณะของสภาพธรรม" รู้จริงๆ ว่า "ไม่ใช่ ตัวตน สัตว์ บุคคล"

แนวทางเจริญวิปัสสนาครั้งที่ ๕๙๙ บรรยาย โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ถอดเทป โดย คุณย่าสงวน สุจริตกุล

ขออนุโมทนา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
orawan.c
วันที่ 27 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
คนบ้านนอก
วันที่ 27 มี.ค. 2552
อนุโมทนา
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
suwit02
วันที่ 27 มี.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ups
วันที่ 28 มี.ค. 2552
สาธุ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
คุณ
วันที่ 29 มี.ค. 2552
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pornpaon
วันที่ 29 มี.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
nida
วันที่ 8 เม.ย. 2552
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ