อยากทราบวิธีที่จะนั่งสมาธิได้โดยที่จิตไม่ฟุ้งซ่านมาก

 
baimon_th
วันที่  27 เม.ย. 2549
หมายเลข  1140
อ่าน  1,184

ปัจจุบันข้าพเจ้าพยายามนั่งสมาธิประมาณวันละ ๑ ชั่วโมง มีทั้งอาการที่รับรู้ว่าตัวใหญ่ ตัวเล็ก ตัวเบาเหมือนจะลอยได้ ขนลุกขนพอง อาการเย็นสบายทั้งตัว บางครั้งน้ำตาไหล ประมาณครึ่งชั่วโมงแรก เวทนาไม่ค่อยเกิดมากนัก แต่หลังจากผ่านครึ่งชั่วโมงหลัง ๑ ชั่วโมง จะเกิดเวทนาที่ขาข้างขวาข้างเดียว และจิตจะเริ่มฟุ้งซ่านคิดสารพัดเรื่องร้อยแปดพันเก้า ทำอย่างไรจึงจะดับเวทนาที่เกิดขึ้นได้ และระงับจิตที่ฟุ้งซ่านลงได้บ้าง เพราะอยากจะนั่งสมาธิได้นานมากกว่านี้ (องค์ภาวนาที่ปฏิบัติอยู่คือ กำหนดลมหายใจเข้า-ออก พุท-โธ)


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 28 เม.ย. 2549

ก่อนอื่น ขอแนะนำก่อนว่า อย่าพึ่งรีบปฏิบัติ ขอให้ศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ให้เข้าใจก่อน เพราะว่า พระพุทธองค์ทรงสะสมบารมีมาสี่อสงไขยแสนกัปเพื่อให้สัตว์โลกได้มีปัญญารู้แจ้งอริยสัจจธรรม การอบรมเจริญปัญญา ต้องเริ่มจากการฟัง การศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ เมื่อเริ่มเข้าใจ ปัญญาย่อมค่อยๆ ศึกษาสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ การอบรมปัญญาไม่ใช่การนั่งสมาธิ อีกอย่างหนึ่งการเจริญสมถและวิปัสสนา ไม่มีจำจัดว่า จะต้องนั่งขัดสมาธิ์เท่านั้น ถ้าเข้าใจในข้อปฏิบัติ ทั้งสมถและวิปัสสนา สามารถเจริญได้ทุกๆ อิริยาบถ และผลของการอบรมปัญญาคือ รู้แจ้งความจริง ไม่ใช่เพื่อตัวเบาเหมือนจะลอยได้ ขนลุกขนพอง หรือน้ำตาไหลเท่านั้น ถ้าเจริญถูกต้อง จิตต้องสงบ และปัญญาต้องรู้ความจริง

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
shumporn.t
วันที่ 28 เม.ย. 2549

สัมมาสมาธิ ต้องเป็นไปเพื่อละ เพื่อคลายความติดข้องใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เพราะผู้เจริญสัมมาสมาธินั้น มีปัญญาเห็นโทษของอกุศลคือ ทั้งโลภะและโทสะ ไม่ใช่เพื่อความติดในสุขเวทนา หรือเพราะให้ว่างๆ สบายๆ หรือเพื่อจะได้นั่งนานๆ โลภะนี้เห็นยากจริงๆ สมดังที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสไว้ว่า สองอริยสัจแรกลึกซึ้งจึงเห็นยาก สมุทัยนี้ลึกซึ้งจึงเห็นยากจริงๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 19 ก.พ. 2566

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ