การให้ทานโดยสาธารณะอานิสงฆ์เท่าสังฆทานหรือไม่ครับ

 
เจริญในธรรม
วันที่  1 ต.ค. 2551
หมายเลข  10036
อ่าน  2,033

ขอเชิญคลิกอ่านที่นี่...

บุคคลควรให้ทานในที่ไหนหนอ [อิสสัตถสูตร]

ขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 3 ต.ค. 2551

ในพระไตรปิฎกพระพุทธองค์ทรงแสดงว่า การให้ทานแก่หมู่พระอริยสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า (สังฆทาน) มีผลมีอานิสงส์มากกว่าการให้ทานโดยเจาะจงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง (ปาฏิบุคคลิกทาน) ส่วนการให้ทานแก่สาธารณะโดยไม่เจาะจงผู้ใดผู้หนึ่งน่าจะแตกต่างจากการถวายสังฆทาน เพราะสังฆทานเป็นการให้ทานโดยมุ่งเจาะจงบูชาคุณของหมู่พระอริยสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค ดังนั้น อานิสงส์ที่จะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่ที่ผู้รับทานอย่างหนึ่ง และผู้ให้ทานอย่างหนึ่ง ถ้าผู้รับเป็นบุคคลทั่วไปไม่มีคุณธรรมเหมือนพระอริยสาวก อานิสงส์ย่อมน้อยกว่า ถ้าผู้ให้ทานประพฤติธรรม ย่อมมีอานิสงส์มากกว่า แต่ทั้งหมดนี้ไม่ควรคำนึงถึงอานิสงส์เลย ควรให้ทานเพื่อประโยชน์แก่ผู้รับจะดีกว่า ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
suwit02
วันที่ 3 ต.ค. 2551

ทั้งหมดนี้ไม่ควรคำนึงถึงอานิสงส์เลย ควรให้ทานเพื่อประโยชน์แก่ผู้รับจะดีกว่าครับ

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wirat.k
วันที่ 4 ต.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
opanayigo
วันที่ 5 ต.ค. 2551

อนุโมทนานะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เจริญในธรรม
วันที่ 6 ต.ค. 2551

ส่วนการให้ทานแก่สาธารณะ โดยไม่เจาะจงผู้ใดผู้หนึ่ง น่าจะแตกต่างจากการถวายสังฆทาน เพราะสังฆทานเป็นการให้ทานโดยมุ่งเจาะจงบูชาคุณของหมู่พระอริยสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคย์ดังนั้น อานิสงส์ที่จะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่ที่ผู้รับทานอย่างหนึ่ง

ขอถามครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เจริญในธรรม
วันที่ 6 ต.ค. 2551

ขอถามครับ

หากบุคคลหนึ่งเห็นว่า ทานควรให้แก่ประโยชน์ต่อสงฆ์พระภิกษุสงฆ์โดยรู้ว่าการถวายแด่สงฆ์เช่นสังฆทานให้อานิสงส์มากก็ทำกันเป็นประจำ คนหรือคณะนี้มีให้เห็นครับ ซึ่งจริงๆ คนที่ลำบาก คนที่น่าจะช่วยเหลือมีมากครับ เช่นเด็กกำพร้า คนยากไร้ คนที่ตกทุกข์ได้ยากจากอุทกภัย คนแก่ที่ถูกทอดทิ้งจากลูกๆ ที่ออกทางทีวีก็มากมาย คนที่ไม่มีจะกิน ฯลฯ หากท่านจะบอกว่าคนเหล่านั้นมีกรรมเป็นของตน หรือจะให้เพื่อนมนุษย์เป็นไปตามยถากรรม เช่นนั้น หากจะเทียบกับเรานำของไปใส่บาตรพระซึ่งก็มีมากล้นอยู่แล้ว แถมภิกษุนั้นอาจจะทุศีลเสียด้วยซ้ำ ความรู้สึกนั้นเวลาผมให้ทานแก่คนยากไร้ ทำไมมีความปิติครับ บางที่ให้ไปแล้วก็ยังนึกปิติอยู่เหมือนได้ช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แต่ให้ภิกษุปิติแค่ตอนให้ แต่หลังจากนั้นก็เฉยๆ ครับ แล้วอย่างนี้จะอธิบายได้อย่างไรล่ะครับ ว่าเราสมควรให้ทานแก่ผู้ใด แล้วอานิสงส์ไหนจะมากกว่า

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
wirat.k
วันที่ 6 ต.ค. 2551

ขอร่วมสนทนาด้วยครับ

ตามความเห็นที่ ๑ "แต่ทั้งหมดนี้ไม่ควรคำนึงถึงอานิสงส์เลย ควรให้ทานเพื่อประโยชน์ แก่ผู้รับจะดีกว่าครับ"

จากความเห็นที่ ๖ ท่านกล่าวมีหลายประเด็น

๑. การให้ทาน ของคนคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งที่เขาคิดว่าเป็นสังฆทาน การจะเป็นสังฆทานหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง รายละเอียดท่านหาได้เพิ่มเติม และมีตัวอย่างคำถามที่เคยมี ผู้ถามไว้ดังนี้

ความคิดเห็นที่ ๒ โดยคุณ ปังคุง

แสดงว่าการที่จะเป็นสังฆทานก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และ ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นได้ตามต้องการใช่ ไหมครับ? เพราะเคยคิดว่า เมื่อเริ่มศึกษาธรรมแล้ว เริ่มมีความเข้าใจบ้าง เมื่อจะทำทานก็ต้องการทำทานที่เลิศ แล้วอย่างนี้ในชีวิตประจำวันถ้าจะเป็นสังฆทาน นอกจากจะ ต้องไปแจ้งนิมนต์สงฆ์ (เผดียงสงฆ์...ใช่คำนี้ไหมครับ?) ให้จัดภิกษุให้จำนวนกี่รูปขึ้นเป็นสงฆ์แก่เรา และมีความยำเกรงสงฆ์ ในที่นี้ก็คือไม่มีจิตที่หวั่นไหวในผู้รับ ว่าจะเป็น อย่างไร แล้วให้ทานด้วยความนอบน้อม อย่างนี้จะเป็นสังฆทานที่ถูกต้องหรือไม่ครับ? และถ้ายังมีความเห็นว่า เพราะรู้ว่าการทำสังฆทานมีผลมากมีอานิสงส์มาก จึงต้องการ ทำสังฆทาน อย่างนี้จะเป็นสังฆทานหรือไม่? กราบขอบพระคุณครับ

ความคิดเห็นที่ ๓ โดยคุณ wannee.s

สังฆทานไม่ใช่เรื่องง่าย เวลาที่ภิกษุจัดสงฆ์มาให้ ถ้าเราได้พระภิกษุที่เป็นผู้ทรงคุณธรรม มีความรู้ เราดีใจ ฟูใจ ก็ไม่เป็นสังฆทาน ได้สามเณรแล้วเกิดความหดหู่ไม่ดีใจ ไม่มีความยำเกรง ก็ไม่เป็นสังฆทาน อยากได้อานิสงส์ของสังฆทานก็ไม่เป็นสังฆทาน ซึ่งก็เป็นเรื่องของความเข้าใจของแต่ละบุคคล เราคงไม่สามารถไปเปลี่ยนใครๆ ให้มีความคิดความเห็นตามที่เราต้องการได้ และเมื่อท่านเห็นประโยชน์ของการให้แก่บุคคลใดก็เป็นไปตามความเข้าใจของท่านเอง ปีติหรือไม่ก็กำหนดไม่ได้ ท่านก็รู้เองอีก เช่นกัน

๒. เรื่องกรรม ทุกคนมีกรรมเป็นของตนแน่นอนครับ และกรรมก็จัดสรรมาตามที่ได้ กระทำไว้ เมื่อท่านเห็นคนที่ได้รับผลของกรรมไม่ดี ก็มีความกรุณาอยากให้ได้รับผลของกรรมดี ก็ช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ แต่จะไปจัดสรรให้ใครๆ ต่างก็มาทำเช่นเรา ก็ไม่ได้อีกเช่นกัน

๓. ท่านถามเพื่อให้เปรียบเทียบว่า ควรให้ทานใคร ระหว่างภิกษุที่ท่านได้รับทานมากหรือคนยากไร้ไม่มีจะกิน ตามความเห็นส่วนตัว ก็แล้วแต่อัธยาศัยของผู้ที่จะให้ทาน ตอบแทนกันไม่ได้ ตามความเข้าใจและเห็นประโยชน์ของการให้ทานของผู้นั้นเอง แต่เมื่อได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม แม้ขั้นการฟัง ก็ควรคำนึงถึงการให้ตาม คห.ที่ ๑ รวมทั้งเรื่องอานิสงส์ก็เช่นกัน เมื่อมีการให้ที่ถูกต้องก็ไม่ต้องใส่ใจ เพราะเหมือนต้องการผล เหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนค้าขาย ไม่ใช่การให้

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
suwit02
วันที่ 6 ต.ค. 2551

ขอเชิญคลิกอ่านที่นี่...

บุคคลควรให้ทานในที่ไหนหนอ [อิสสัตถสูตร]

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
orawan.c
วันที่ 6 ต.ค. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
pornpaon
วันที่ 9 ธ.ค. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 3 พ.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ