เบิกบานด้วยปัญญา


    ท่านอาจารย์ เบิกบานจริงๆ ต้องเป็นปัญญาที่สามารถเข้าใจถูก เห็นถูกจากที่เคยไม่รู้เป็นความรู้ แค่นี้ค่ะ เบิกบานหรือเปล่า ถ้ายังไม่เบิกบาน ก็ไม่ต้องไปทำให้เบิกบาน ไม่ใช่เป็นเรื่องต้องไปทำ แต่เป็นความจริง เมื่อไรฟังความจริง และเข้าใจความจริง รู้ว่า ไม่ใช่ความเท็จ แล้วมีโอกาสได้ยินได้ฟังสิ่งที่จริงอย่างนี้ด้วย ยากไหมที่จะได้ฟังลองคิดดู ไม่ใช่จะได้ฟังบ่อยๆ ทั่วๆ ไป ที่ไหนก็พูด แต่กว่าจะได้ยินได้ฟังจากคนที่อยู่มานาน บางคนก็ไม่มีโอกาสได้ยินได้ฟังเลย เพราะไม่สนใจ หรือไม่เห็นประโยชน์ก็แล้วแต่ บุคคลเหล่านั้นก็จะเบิกบานได้อย่างไร ก็เหมือนเดิมทุกวันไป แต่นี่วันพิเศษ วาระพิเศษ สมัยพิเศษ ขณะพิเศษที่มีโฮกาสได้ยินได้ฟังความจริงของสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ ต้องไตร่ตรองแล้วถึงจะรู้ว่า ควรจะเบิกบานหรือเปล่า หรือยังไม่ควร ก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลที่ยังไม่ต้องไปทำให้เบิกบาน แต่ถ้าได้รู้มากขึ้นๆ จะพ้นจากความทุกข์ ความเดือดร้อนไหม

    เพราะฉะนั้น มีภัยตั้งแต่ภายในที่สุด คือ กิเลส ทำร้ายเลย ยังไม่ต้องมีใครมาอยู่ใกล้ๆ ไกลๆ ที่ไหนก็ตามแต่ กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไร ทำร้ายจิตทันที แต่ไม่รู้ตัวเลยว่า ถูกทำร้าย

    เพราะฉะนั้น ถ้ามีโอกาสรู้ความจริงว่า ขณะนั้นเป็นธรรม เดือดร้อนไหม กับที่เคยเป็นเราถูกทำร้าย กับความจริงก็คือเป็นธาตุจริงๆ เป็นธรรมที่มีจริง ไม่มีใครสามารถบังคับบัญชาได้ เกิดเป็นหนึ่งปรากฏแล้วก็หมดไป เป็นอย่างนี้ตลอดเรื่อยมาในสังสารวัฏ หรือแม้เดี๋ยวนี้ หรือตลอดไปข้างหน้า หรือแม้จะได้ยินได้ฟังความจริง ก็ย่อมดีกว่าที่ยังคงไม่รู้แล้วคิดว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเที่ยง ตั้งแต่เกิดมาก็เป็นของเรา แต่ความจริงก็คือไม่สามารถเห็นถูก ถ้าเห็นถูกแล้ว ไม่บังคับการเบิกบาน แต่ในพระไตรปิฎกชื่นชมในพระภาษิต คือ คำที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง เพราะเหตุว่าได้เข้าใจความจริงตามลำดับขั้นของปัญญา ที่จะกล่าวว่า ชื่นชมในพระภาษิต ชื่นชมคือคำที่ได้ยินทำให้สบายใจ ไม่ได้ทำให้เดือดร้อนเลย แต่ถ้าใครเสียดายตัวตน เสียดายรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เคยเป็นเราแล้วจะไม่มีอีกต่อไป นั่นก็คือไม่ได้เข้าใจธรรม เพราะฉะนั้น ในขณะนั้นชื่นชมไม่ได้

    ด้วยเหตุนี้เป็นความจริงที่ว่า ถ้ามีความเข้าใจจริงๆ ที่มั่นคง ก็จะชื่นชมในคำจริงที่ได้ยินได้ฟัง ขณะนั้นก็คือความเบิกบานนั่นเอง

    อ.วิชัย ขณะที่ฟังก็เป็นกุศล เป็นความรู้ความเข้าใจ

    ท่านอาจารย์ คำที่ทำให้สบายใจ ถ้าเข้าใจ แต่ถ้าเห็นผิด ยึดมั่น ไม่เข้าใจ ก็เดือดร้อนเป็นทุกข์ แสดงถึงความไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้น แม้แต่เข้าใจก็รู้ได้ว่า ขณะนั้นอะไร เข้าใจหรือไม่เข้าใจ ถ้าเข้าใจจริงๆ ไม่เดือดร้อนเลย กำลังฟังแล้วได้เข้าใจขึ้น จะเดือดร้อนอะไร


    หมายเลข 9945
    19 ก.พ. 2567