ทนต่อการพิสูจน์


    ท่านอาจารย์ อะไรล่ะคะที่จะทนต่อการพิสูจน์ แข็งในขณะนี้มีจริงไหมคะ

    อ.อรรณพ มีครับ

    ท่านอาจารย์ เห็นมีไหม

    อ.อรรณพ มีครับ

    ท่านอาจารย์ แค่นี้ทนต่อการพิสูจน์ไหมว่า ขณะเห็นไม่มีแข็ง ยังพิสูจน์ไม่เต็มที่ เพียงแต่เริ่มเห็นความจริงว่า แข็งมีเมื่อกำลังรู้แข็ง เห้นมีในขณะที่มีสิ่งที่ปรากฏให้เห็นซึ่งไม่แข็ง เพราะฉะนั้น แข็งเมื่อกี้หายไปไหน ไม่รู้ตัวเลยว่า แข็งหมดแล้ว หมดไปแล้ว หายไปแล้วในขณะที่กำลังเห็น ทนต่อการพิสูจน์ไหมคะ เมื่อความเข้าใจเพิ่มขึ้นพอจะรู้ความจริงได้ แต่ถ้าเพียงเข้าใจเล็กน้อยอย่างนี้กับการที่เคยไม่รู้มานาน และสะสมความติดข้องไว้นานมาก จะให้หมดไปเลยได้อย่างไร แต่ก็รู้ว่า หนทางเดียวคือ ถ้าลักษณะของสิ่งนั้นปรากฏจริงๆ มีหรือที่จะไม่เห็นว่า สิ่งนั้นเกิดจึงมี และสิ่งนั้นก็ดับไปด้วย ไม่ได้ยั่งยืนเลย แต่เพราะเหตุว่ามีสิ่งอื่นสืบต่อเร็วมาก ไม่สามารถเห็นการเกิดดับของสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย ก็เข้าใจว่า สิ่งนั้นไม่ได้ดับ แต่ความจริงเพียงปรากฏก็ดับแล้ว

    เพราะฉะนั้น เห็นกำลังของปัญญาไหมคะ ปัญญาขั้นฟังแค่เข้าใจ ยังไม่เต็มที่ ยังไม่ถึงการรู้แจ้งประจักษ์การเกิดขึ้น และดับไป แต่เริ่มเห็นว่า สิ่งที่มีจริง จริง ไม่เป็นอย่างอื่น และถ้าเป็นปัญญาที่สามารถรู้ว่า การฟังอย่างนี้ละอะไร เห็นไหมคะ ความละเอียด บอกว่า รู้เพื่อละ แล้วละอะไร ละการยึดถือสิ่งที่ปรากฏว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ซึ่งเป็นความติดข้อง เพราะฉะนั้น จะเข้าถึงพยัญชนะ ความจริงที่ว่า ละสมุทัยไหม เพราะอริยสัจมี ๔ ฟังดูเหมือนง่ายๆ ทุกขอริยสัจจะ การเกิดขึ้น และดับไปเป็นทุกข์ ไม่ใช่ทุกข์เฉพาะเจ็บไข้ได้ป่วย แต่สิ่งหนึ่งสิ่งใดมี และไม่มีอย่างเร็วมาก จะไม่เป็นทุกข์หรือ ทุกข์ที่นี่ คือ ไม่ใช่สิ่งที่ควรยินดี ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ จะยินดีกับสิ่งที่เพียงเกิดขึ้นแล้วปรากฏ แล้วหมดไปได้อย่างไรคะ น่ายินดีตรงไหน เกิดมาลวงให้เห็นว่า มี เหมือนมีอยู่ตลอดไป แต่ความจริงก็แค่มีแล้วก็หมดไป

    เพราะฉะนั้น ต้องเข้าใจความละเอียดแม้แต่ว่า รู้เพื่อละ ละอะไร ละความไม่รู้นั้นแน่ล่ะ ในขณะที่ไม่รู้ จะมีความไม่รู้ไม่ได้ แต่ยิ่งกว่านั้นก็คือละการยึดถือว่า เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยง ยั่งยืน

    เพราะฉะนั้น ให้เข้าใจว่า ที่ฟังทั้งหมด เพื่อสะสมความมั่นคง ที่จะรู้ว่า สิ่งที่ปรากฏไม่ว่าอะไร เมื่อไร ชาติไหนก็ตาม ปรากฏเพียงชั่วคราว แล้วก็หมดไป จนกว่าความเข้าใจจะมั่นคง จนกระทั่งเริ่มเข้าใจลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ ซึ่งเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าเข้าใจเพิ่มขึ้นเมื่อไร ค่อยๆ คลายไม่รู้ นั่นคือกำลังละสมุทัย ไม่ใช่ละตรงอื่นเลย ที่จะมานั่งสงสัยว่า นามรูปเกิดเพราะสมุทัย คือ โลภะ เป็นอย่างไร ก็นั่งคิดไป แต่ไม่สามารถรู้ว่า ละที่นี่หมายถึงละการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน เพราะกำลังเข้าใจสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่กำลังปรากฏจริงๆ

    นี่เป็นความลึกซึ้งที่ว่า ถ้าไม่คิดก็พูดตาม รู้เพื่อละ และละอะไรตรงไหน แต่เดี๋ยวนี้ก็รู้แล้ว ก็ละการที่เคยสะสมความไม่รู้ และการยึดถือสภาพธรรมว่า เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด แล้วก็รู้ด้วยว่า เมื่อไร คลายหรือยัง ฟังไป ค่อยๆ คลายเมื่อไร เพราะรู้เพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่งเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ ยถาภูตญาณทัสสนะ ตามความเป็นจริงสิ่งนั้นตามลำดับ


    หมายเลข 9943
    19 ก.พ. 2567