ก่อนจากโลกนี้ควรรู้อะไร


    ท่านอาจารย์ เข้าใจจริงๆ ว่า เกิดมาแล้วไม่รู้ความจริงของสิ่งที่มีตั้งแต่เกิดจนตาย กับการที่มีโอกาสได้ยินได้ฟัง ได้เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริง ก็เป็นสิ่งที่ต้องสะสมมาแล้วที่จะสนใจ ที่จะสนทนา ที่จะได้ยินได้ฟังต่อไปอีก เพื่อที่จะเข้าใจก่อนจะจากโลกนี้ไป เพราะมีคนมากมายเกิดแล้วตายไป โดยไม่รู้ความจริงแม้สักนิดหนึ่งของสิ่งที่มีจริงๆ ถ้าไม่ได้ยินได้ฟังพระธรรม

    เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะจากไปโดยไม่รู้ความจริง ก็ได้ยินได้ฟังแล้วถ้าสนใจ และศรัทธาเพิ่มขึ้น ก็สามารถเข้าใจความจริงที่มีในขณะนี้ได้ แต่เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาโดยละเอียดยิ่ง โดยความเคารพยิ่ง และต้องเป็นผู้มีเหตุมีผล ถ้าสิ่งใดที่ไม่มีเหตุมีผล ไม่ใช่คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า และสิ่งที่มีในขณะนี้จากไม่รู้เป็นรู้ ดีไหมคะ ดีกว่าไม่รู้เลย และเมื่อรู้แล้วก็ละ เพราะว่าไม่มีใครสามารถละความไม่ดี อกุศลทั้งหลายที่ทุกคนก็รู้ว่าไม่ดี โกรธ ดีไหมคะ เพียงแค่โกรธก็แย่แล้ว แล้วยังไปประทุษร้ายคนอื่นตั้งมากมายที่ทำให้โลกเดือดร้อน เพราะความไม่รู้

    เพราะฉะนั้น ถ้ามีความเข้าใจเพิ่มขึ้น ก็จะเห็นว่า สิ่งที่มีประโยชน์ก็ต้องเป็นธรรมฝ่ายดี และจะเริ่มเห็นโทษของธรรมฝ่ายไม่ดี แต่อีกนานมากกว่าจะค่อยๆ ละทางฝ่ายไม่ดี ซึ่งสะสมมานานมาก แต่ดีกว่าไม่มีความรู้ที่ละเสียเลย เพราะเราจะเห็นได้ว่า แต่ละคนต่างกันไป บางคนมีอัธยาศัยดี สะสมมาดี บางคนก็เจ้าโทสะ ขี้โกรธ หรืออะไรที่ไม่ดีต่างๆ ซึ่งคนอื่นก็มองเห็น แล้วจะเป็นคนนั้นหรือ หรือจะเบาบางจากการที่รู้ตัวเราเองว่า มีอะไรที่ไม่ควรจะเป็น แต่ก็ห้ามไม่ได้ เพราะเหตุว่าเป็นอนัตตา แต่จะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเพราะความเข้าใจถูกในความเป็นธรรมซึ่งไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร

    ผู้ฟัง ทุกสิ่งเป็นธรรมใช่ไหมครับ อกุศลก็เป็นธรรม กุศลก็เป็นธรรม

    ท่านอาจารย์ ไม่เว้นเลย หรือใครคิดว่า มีอะไรที่จะเว้นได้ ที่ไม่ใช่สิ่งที่มีจริงบ้างคะ มีจริง หมายถึงเกิดแล้ว ปรากฏแล้ว และเดี๋ยวนี้ก็มีด้วย เช่น ไม่ใช่มีจริงในความคิดแล้วก็หาไม่เจอ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ปรากฏ เป็นสิ่งที่มีจริงทั้งหมด ซึ่งภาษาบาลีใช้คำว่า “ธรรม”


    หมายเลข 9802
    19 ก.พ. 2567