ทำไมอุเบกขาเวทนารู้ได้ยาก ๑


    กฤษณา   ก็สรุปได้ว่าเวทนาเจตสิกเกิดกับจิตชาติใด เวทนาเจตสิกก็จะต้องมีชาติเดียวกับจิตที่เกิดร่วมด้วยนั้น อย่างสุขเวทนาและทุกขเวทนาเกิดกับจิตที่เป็นชาติวิบาก สุขเวทนาและทุกขเวทนาก็เป็นชาติวิบาก อย่างโสมนัสเวทนาก็มีได้ทั้ง ๔ ชาติเพราะสามารถเกิดได้กับจิตที่เป็นทั้งอกุศล กุศล วิบาก และกิริยา โทมนัสเวทนาเกิดได้กับจิตชาติเดียว คือ อกุศลชาติ เพราะเกิดกับโทสะมูลจิตซึ่งเป็นอกุศลชาติ สำหรับอุเบกขาเวทนาก็มี ๔ ชาติทำนองเดียวกับโสมนัสเวทนา มีท่านผู้ร่วมสนทนาจะมีปัญหาหรือข้อเสนอแนะอะไรอีกไหมคะ

    ส.   ขอโทษนะคะ ถ้าพูดอย่างนี้ฟังดูเหมือนเป็นตำรา คล้ายๆกับว่าชาตินั้นชาตินี้แล้วก็เวทนานั้นเวทนานี่ แต่ตามความเป็นจริงถ้าจะให้เข้าใจก็คือพิจารณาตัวเองหรือว่าความรู้สึกในวันหนึ่งๆ แล้วจะค่อยๆเข้าใจขึ้นว่า ขณะนั้นจิตที่ประกอบด้วยเวทนานั้นเป็นจิตประเภทไหน เช่นวันนี้มีความรู้สึกอย่างไรบ้าง ทุกคนก็ตอบได้ เฉยๆเป็นส่วนใหญ่ แล้วเฉยๆ เป็นส่วนใหญ่ เราก็มาจำแนกอีกว่า เป็นกุศลหรือเป็นอกุศลที่เราเฉยๆ ถ้าขณะใดที่ไม่เป็นไปในทาน ไม่เป็นไปในศีล ไม่เป็นไปในความสงบของจิต ไม่เป็นสติที่ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม ขณะนั้นแม้ว่าเราจะไม่รู้มาก่อน แต่ว่าหลังจากที่มีการเข้าใจขึ้น เราก็จะรู้ได้ว่า อุเบกขาเวทนาในชีวิตประจำวันของเราวันหนึ่งๆนั้นเป็นอกุศล คือ เกิดร่วมกับโลภะ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลย ถ้าขณะใดไม่ใช่กุศล ขณะนั้นต้องเป็นอกุศล แล้วก็ส่วนใหญ่อกุศลที่เกิดขึ้นในวันหนึ่งๆ ก็เป็นโลภมูลจิต เพราะว่ามีความต้องการอยู่เรื่อยโดยที่ไม่รู้ ตั้งแต่ลืมตา ถ้าศึกษาโดยชวนวาระวิถี ก็จะเห็นละเอียดขึ้นว่า แม้แต่เพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา ยังไม่ทันดับไปเลย โลภมูลจิตก็เกิด หรือว่าอกุศลจิตก็เกิด ถ้าขณะนั้นไม่เป็นไปในกุศล คือ สติไม่ได้ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมในขณะนั้น หรือทางหูที่ได้ยินเสียง ไม่ว่าเสียงอะไรก็ตาม ขณะที่เป็นเพียงเสียงที่ยังไม่ดับ เวทนาขณะนั้นเป็นอะไร ถ้าเป็นความรู้สึกเฉยๆ แล้วไม่เป็นไปในทาน ในศีล ในความสงบของจิต ในการระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม ขณะนั้นก็เป็นอกุศลแล้ว ให้ทราบว่าปกติส่วนใหญ่ แม้เวทนาที่เกิดก็เป็นอกุศล ถ้าเราจะไม่พูดถึงขณะที่ประกอบด้วยวิบากจิตที่กำลังเห็น กำลังได้ยิน กำลังได้กลิ่น กำลังลิ้มรส กำลังรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส

    เพราะฉะนั้นเวทนาโดยชื่อ ฟังดูยุ่งยาก เวทนา สุขเวทนา สุขินทรีย์ อุเบกขาเวทนา อุเบกขินทรีย์ แต่ตัวจริงๆก็ไม่ยุ่งยากอะไร เพราะเหตุว่าเป็นความรู้สึกที่มีในชีวิตประจำวัน เราเพียงแต่เพิ่มคำภาษาบาลีขึ้นให้รู้ว่า ที่เราบอกว่าเฉยๆ ภาษาบาลีก็ใช้คำว่า อุเบกขาเวทนา หรืออทุกขมสุข ถ้าขณะใดที่ดีใจ ภาษาบาลีก็ใช้คำว่า โสมนัสเวทนา ส่วนทางกายเราก็พูดกันอยู่เสมอว่า ปวด เจ็บ เมื่อย ขณะนั้นก็รวมเป็นทุกขเวทนา เป็นความรู้สึกทุกข์กาย แล้วขณะใดที่รู้สึกสบายดี ขณะนั้นก็เป็นสุขเวทนา เพราะฉะนั้นก็จะทำให้เราเข้าใจว่าการศึกษาเรื่องเวทนา ฟังโดยชื่อเหมือนกับลำบากยุ่งยาก ต้องจำ แต่ความจริงแล้วจำเพิ่มขึ้นนิดๆหน่อยๆเอง เพราะว่ามันมีอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน แล้วก็สามารถที่จะเข้าใจได้ด้วย

    กฤษณา   อาจารย์คะ คือ เรื่องของเวทนาก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก แต่ว่าทำไมเวทนาบางอย่างจึงรู้ได้ยาก อย่างอุเบกขาเวทนา รู้สึกจะค่อนข้างที่จะรู้ได้ยากกว่าเวทนาอย่างอื่นๆ อย่างเช่นความรู้สึกสุขกาย ทุกข์กาย หรือว่าดีใจ โสมนัส เสียใจ โทมนัส จะสังเกตได้ง่าย แล้วก็ไวกว่าความรู้สึกเฉยๆ ไม่สุข ไม่ทุกข์ ไม่ทราบว่าจะเป็นเพราะว่าอารมณ์ของอุเบกขาเวทนาไม่รุนแรงเท่ากับเวทนาอื่นๆหรืออย่างไร

    ท่านอาจารย์ ก่อนอื่นที่ว่าไม่ยุ่งยาก หมายความถึงว่า ไม่ยุ่งยากเวลาที่สภาพธรรมนั้นเกิด แต่เวลาที่เราใช้ชื่อ อาจจะทำให้บางคนคิดว่ายุ่งยากว่า  เวทนานี้เป็นวิบาก หรือว่าเวทนานี้เป็นมหากุศล หรือว่าเวทนานี้เป็นอะไร คือไปติดที่ชื่อ แต่ว่าตามความเป็นจริงแล้วเข้าใจได้ แล้วก็เติมชื่อเข้าไปเท่านั้นเอง เช่น เวลาที่เราสนุกสนาน หัวเราะ แล้วก็ดูหนัง ดูละคร อ่านหนังสือ หรืออะไรก็ตามแต่ แล้วรู้สึกเพลิดเพลิน ขณะนั้นเวทนาก็ต้องเป็นโสมนัส แล้วจะเป็นชาติอะไร ก็ต้องเป็นอกุศล

    นี่คือแสดงให้เราเข้าใจลักษณะของสภาพธรรม เมื่อรู้แล้วว่า จิต เจตสิกมี ๔ ชาติ แล้ว ๔ ชาติ ถ้าเราจะระลึกได้ แล้วเราสามารถที่จะรู้ วิเคราะห์ แล้วก็เข้าใจได้ เช่นกำลังเพลิดเพลิน เรามักจะบอกว่า สนุก แล้วขณะนั้นถ้าเรารู้ว่า นี่คือลักษณะของโสมนัสเวทนา แล้วก็ไม่ใช่วิบาก เพราะเหตุว่าไม่ใช่ขณะที่กำลังเป็นวิบากทางหนึ่งทางใด ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย  แต่ว่าเมื่อเห็นแล้วต่างหาก ความรู้สึกโสมนัสหรือว่าเพลิดเพลินจึงเกิด เพราะฉะนั้นเราก็รู้ได้ว่า นี่ต้องเป็นอกุศล ขณะใดที่ทำกุศล แล้วเกิดปลาบปลื้ม ใครจะมาบอกเราว่า เป็นอกุศลก็ไม่ได้ เพราะเหตุว่าขณะนั้นเป็นโสมนัสเวทนาที่เกิดกับกุศลจิต นี่ก็เป็นการที่เราจะทำให้รู้ชาติ หรือเรื่องของเวทนาโดยชาติ

    กฤษณา   ถ้าเราจะไม่สนใจในชื่อของเวทนาก่อน แต่ว่าจะสังเกตลักษณะของเวทนาที่กำลังเกิดขึ้น สักครู่ก็ได้เรียนถามอาจารย์ว่า ลักษณะของอุเบกขาเวทนา รู้สึกจะสังเกตได้ยาก คือไม่ทราบว่าเป็นเพราะอารมณ์ของอุเบกขาเวทนาไม่รุนแรงเท่ากับอารมณ์ของเวทนาอื่นๆ หรืออย่างไร

    ท่านอาจารย์ อันนี้ตามตำราก็มีกล่าวไว้ เรื่องของอุเบกขาเวทนาที่รู้ยากกว่า

    สมพร เรื่องของเวทนา ท่านก็กล่าวไว้ ถ้าเป็นวิบาก เป็นเวทนาที่ละเอียดมาก รู้ได้ยาก ถ้าเป็นกุศลหรืออกุศลยังรู้ได้ง่ายกว่า เพราะว่าเวทนาที่เป็นอุเบกขาของกุศลและอกุศลหยาบกว่าวิบาก ทางตาที่เราเห็น  การเห็นมีอุเบกขาเวทนาเกิดร่วมด้วย ไม่รู้สึกตัวเลย รู้สึกแต่เพียงว่าเห็นเท่านั้น ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เพราะว่าเป็นเวทนาที่ละเอียดที่สุด ท่านบอกว่า เวทนาที่เป็นวิบากละเอียด เช่น อุเบกขารู้ได้ยาก


    หมายเลข 9006
    13 ก.ย. 2558