เป็นเรื่องของสังขารขันธ์ที่จะปรุงแต่ง


    คุณหญิงณพรัตน์ ถ้าตลอดวันเราจะดูเพียงว่ากุศลหรืออกุศล จะได้ไหม

    ท่านอาจารย์ ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยว่า ถ้าขณะนี้มีสติที่จะรู้ว่าเป็นกุศล ขณะนั้นเป็นอกุศล เขาก็เป็นอย่างนั้น เพราะว่าการที่สังขารขันธ์จะค่อยๆ ปรุงแต่ง ไม่ว่าจะเป็นวิริยเจตสิก สัทธาเจตสิก หรือปัญญาเจตสิกก็ตาม เป็นเรื่องที่เขาจะสะสม และก็ปรุงแต่งให้แต่ละขณะเกิด โดยไม่มีใครไปมีอำนาจบังคับบัญชาเลย แม้แต่ในขณะนี้จักขุวิญญาณก็เกิดเพราะเหตุปัจจัย โสตวิญญาณ บางคนกำลังได้ยิน ก็เกิดเพราะเหตุปัจจัย แล้วคิดนึกเรื่องราวต่างๆ ของแต่ละคนที่กำลังคิดก็ไม่เหมือนกันเลย ก็แล้วแต่เหตุปัจจัย

    เพราะฉะนั้นเราแต่ละคน ที่แม้แต่คิด แม้แต่ได้ยินเสียง การที่จะมนสิการเป็นกุศล เป็นอกุศลต่างระดับขั้น ก็ตามเหตุปัจจัย ก็เป็นแต่เพียงว่า เราจะสะสมเหตุปัจจัยเพื่อจะให้กุศลเจริญขึ้นทุกขั้น ไม่ใช่เพียงแต่รู้ว่า เป็นกุศลหรืออกุศล ต้องรู้ว่าไม่ใช่ตัวตน และเป็นสภาพธรรมแต่ละอย่างทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แต่เราก็ไม่เร่งค่ะ เพราะแล้วแต่การปรุงแต่งของสังขารขันธ์ที่จะเป็นไป แต่เมื่อเหตุมี ผลต้องมี เหตุคือการฟังมี ความเข้าใจต้องมี แล้วเป็นสังขารขันธ์ที่จะให้สติปัฏฐานเกิด ถ้าไม่มีการฟัง และไม่มีการเข้าใจแล้ว อย่างไรๆ สติปัฏฐานก็เกิดไม่ได้

    เขาทำของเขาเองค่ะ สังขารขันธ์ปรุงแต่ง ค่อยๆ ปรุงไปเรื่อยๆ ให้รู้ว่า ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาเลย ไม่ว่าจะเป็นสติขั้นไหน ขณะนี้กำลังมีสติขั้นฟัง อีกขณะอาจจะเป็นสติขั้นระลึกได้ มีลักษณะของสภาพธรรม หรือยังไม่มีก็ไม่เป็นไร ก็ฟังแล้วความเข้าใจก็เพิ่มขึ้น สังขารขันธ์ก็ปรุงแต่งให้เป็นความเข้าใจที่ละเอียดขึ้น เพิ่มขึ้น ลึกซึ้งขึ้น

    ถ้ามีความเข้าใจไม่ต้องห่วงเรื่องสติปัฏฐาน แต่ถ้าไม่มีความเข้าใจแล้ว หวังสักเท่าไร สติปัฏฐานก็เกิดไม่ได้

    เพราะฉะนั้นถ้าเรามีความเข้าใจ สติปัฏฐานจะเกิดช้าหรือเร็ว มากหรือน้อย ไม่มีปัญหา เพราะว่าถ้าเกิดแล้วเข้าใจ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ยังไม่เข้าใจ เราต้องเตรียมความเข้าใจไว้มากๆ พร้อมที่เมื่อสติเกิด สามารถเข้าใจถูกในลักษณะของสภาพธรรมได้ เร็วกว่าคนที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อนเลย เพราะว่าเป็นเรื่องของสังขารขันธ์ที่จะปรุงแต่ง ถ้าเป็นเรื่องเราอยาก ก็เป็นเรื่องอกุศลธรรมฝ่ายโลภะเขาปรุงอีกเหมือนกัน เพราะว่าขณะนี้กำลังเห็น ถ้าสติปัฏฐานเกิด ต้องไม่ผิดปกติ เพียงแต่เข้าใจในสิ่งที่กำลังปรากฏ เพราะว่าเราเคยจำได้ เคยรู้ว่าเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏ หลังจากนั้นคิดนึกใช่ไหมคะ นี่เริ่มจะแยกเวลาที่สติปัฏฐานเกิด ก็รู้ว่าสิ่งนี้ปรากฏ และต่อจากนั้นคือคิดนึก ไม่มีใคร นอกจากสิ่งที่ปรากฏให้คิดต่างๆ โลกของความคิดนึกก็จะค่อยๆ ชัดขึ้นว่า แยกออกจากสิ่งที่ปรากฏทางตา เป็นเรื่องราววันหนึ่งๆ คิดจากสิ่งที่กำลังปรากฏ

    เพียงเท่านี้เราก็ต้องค่อยๆ ไต่ไปตามความเข้าใจนี้ จนกว่าจะชำนาญ จนกว่าจะรู้จริงๆ เวลาเห็นก็รู้เลยว่า เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้คิดค่ะ


    หมายเลข 8670
    23 ส.ค. 2567