พระพุทธองค์ทรงรู้อะไร


    พระ   อยากทราบว่าพระองค์รู้อะไร

    ท่านอาจารย์    สภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้

    พระ   ปรากฏที่จิต

    ท่านอาจารย์ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

    พระ   มารวมศูนย์ลงที่จิตหรือเปล่า

    ท่านอาจารย์ ทุกอย่าง ไม่ว่าจิต เจตสิก รูป

    พระ   การเรียนรู้จิตทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ สำคัญอย่างไร มันเป็นปัญหาอย่างไรหรือ จึงต้องเรียนรู้ตรงนี้

    ท่านอาจารย์ เพราะว่ารูปไม่มีความรู้สึกเลย ใครจะติว่า โต๊ะนี่แข็งไป หรืออาหารนั้นหวานไป หรือสีนี้เป็นอย่างนั้น สีนั้นเป็นอย่างนี้ รูปไม่ได้รู้สึกเลย เพราะว่ารูปไม่ใช่สภาพรู้ เพราะฉะนั้นสภาพที่ไม่รู้อะไร ไม่ใช่จิต แต่จิตรู้ทุกอย่าง เพราะฉะนั้นขณะที่กำลังสุข รูปไม่ได้รู้สึกเป็นสุขเลย แต่จิตเป็นสภาพที่รู้สิ่งที่ปรากฏ แล้วก็ยังมีความรู้สึกซึ่งเป็นธรรมอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งภาษาบาลีใช้คำว่า เจตสิก

    เพราะฉะนั้นวันนี้ขอให้คุ้นหูกับคำอีกคำหนึ่งๆ ซึ่งคู่กับจิต ถ้ามีจิตเกิดขึ้นขณะใด ต้องมีเจตสิกเกิดร่วมด้วยพร้อมกันขณะนั้น รู้อารมณ์เดียวกันและดับพร้อมกันด้วย เจตสิกมีทุกอย่างที่เราพูดถึงในชีวิตประจำวัน  เช่น ความเกียจคร้าน มีไหมคะ รู้สึกขี้เกียจๆ  เป็นเจตสิกชนิดหนึ่ง วันไหนๆที่ขยันๆ ความขยันก็เป็นเจตสิกอีกชนิดหนึ่ง พอเกิดโกรธ โกรธก็เป็นเจตสิกอีกชนิดหนึ่ง 

    พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้สภาพธรรมแต่ละชนิด แต่ละอย่าง เป็นแต่ละธาตุ แต่ละประเภท ไม่รวมกันเลย แต่ด้วยความไม่รู้ เรามารวมกัน ก็กลายเป็นเราไปหมดเลย เพราะความไม่รู้ แต่ความจริงแล้วถ้าเราสามารถจะแยกทุกอย่างออกให้เหลือเพียงอย่างเดียว เพียง ๑ อย่าง ๑ อย่าง แล้วก็รู้ความจริงของสิ่งนั้น

    นั่นคือพระปัญญาคุณซึ่งแสดงว่า สภาพธรรมใดเป็นนามธรรม สภาพธรรมใดเป็นรูปธรรม  และทั้งหมดเป็นอนัตตา  คือ ไม่มีเจ้าของ ไม่มีอยู่ในอำนาจบังคับบัญชา เมื่อมีเหตุปัจจัยก็เกิดขึ้น

    นี่คือพระปัญญาคุณเจ้าค่ะ


    หมายเลข 8508
    10 ก.ย. 2558