ฟังในฝัน


    ถ้าฟังมานาน นานมาก แสนกัป สงสัยไหมคะ สิ่งที่กำลังปรากฏเกิดดับ อย่างท่านพระสารีบุตรได้ฟังท่านพระอัสสชิพูดถึงสิ่งที่กำลังมีในขณะนั้น แต่ถ้าไม่ได้สะสมความเข้าใจถูก แล้วแต่ละท่านในขณะนี้ก็จะรู้ตัวเองว่า สะสมความเข้าใจเรื่องราว แต่ลักษณะของสภาพธรรมจริงๆ ก็ยังไม่ปรากฏเหมือนยังไม่ตื่น ได้ฟังเหมือนฟังในฝัน หรือกำลังหลับแล้วได้ยิน แต่ไม่ได้รู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใด จะชื่อว่าตื่นหรือ ก็ยังคงเป็นเรื่องราวเหมือนเดิม ยังคงเป็นเราฟังธรรมเหมือนเดิม ยังเป็นเราเริ่มจะเข้าใจธรรม แต่ลักษณะของธรรมจริงๆ ที่ปรากฏขณะนั้นไม่ได้รู้เฉพาะทีละอย่าง ไม่ได้ตื่นขึ้นมารู้แข็ง ขณะหนึ่งในสังสารวัฏฏ์แน่นอน เพราะแข็งปรากฏ ชอบก็เป็นขณะหนึ่งในสังสารวัฏฏ์

    ถ้าจะเข้าใจคำว่า “สังสารวัฏฏะ” ก็คือการเกิดดับสืบต่อไม่มีระหว่างคั่น วนเวียน เดี๋ยวเห็น เดี๋ยวได้ยิน เดี๋ยวได้กลิ่น เดี๋ยวลิ้มรส เดี๋ยวรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส จริงหรือเปล่า ก็คือฟังแล้วค่อยๆ เข้าใจขึ้น

    เพราะฉะนั้นก็จะรู้ว่าไปทำอะไร ที่ไหน ไปคิดว่าจะรู้อย่างไร ก็ไม่เคยคิด แต่ก็มีสิ่งที่กำลังปรากฏ ฟังเพื่อจะเข้าใจให้มั่นคงจริงๆ ว่า ขณะนี้ธาตุรู้มีแน่ ไม่ใช่มีแต่เฉพาะสิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็น เพราะธาตุรู้กำลังเห็น ธาตุรู้ คือ ได้ยินมีแน่ เพราะเสียงปรากฏ เสียงปรากฏเมื่อไร ต้องมีธาตุที่กำลังได้ยินเสียงที่เป็นธาตุรู้เสียงนั้น ไม่ใช่เสียงอื่น ในขณะนั้นรู้ลักษณะของเสียงที่ปรากฏ

    ถ้าฟังแล้วเข้าใจ ก็จะรู้ว่า กำลังรู้เรื่อง แต่ไม่ใช่เข้าใจลักษณะที่กำลังได้ยิน หรือลักษณะของเสียง จนกว่านานเท่าไรก็แล้วแต่ปัจจัย สามารถจะค่อยๆ เข้าใจขึ้น จนกระทั่งเป็นความเข้าใจที่ไม่สงสัย สามารถที่จะละคลายการยึดถือว่าเป็นเรา

    เพราะฉะนั้นกว่าจะถึงวันนั้น ก็คือการสะสมความเห็นถูก ความเข้าใจถูก ซึ่งถ้าชาตินี้ไม่มี ไปเอาความเห็นถูกนั้นมาจากไหน เพราะฉะนั้นแต่ละชาติๆ ก็คือสะสมอะไรบ้าง แล้วทุกอย่างก็ผ่านไป อะไรบ้างที่สะสมมาแต่ละขณะในชีวิตจริงๆ ที่ผ่านไปๆ

    นี่ก็ทำให้สามารถค่อยๆ เข้าใจธรรม ด้วยการละความยึดถือว่าเป็นตัวตน ไม่ใช่ด้วยความต้องการว่าเมื่อไรเราจะรู้อย่างนี้ นั่นก็คือไม่ได้เข้าใจธรรม


    หมายเลข 8139
    18 ก.พ. 2567