เพราะเราไม่เป็นศัตรูกับใคร


    เพราะฉะนั้นอย่ารีบร้อนที่จะไปเจริญกุศลขั้นสูง สมถะ วิปัสสนา แล้วก็ยังไม่รู้เลยว่า แท้ที่จริง แล้ว ชีวิตประจำวันขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นสงบจากอกุศล

    ถ้าเรามีความเป็นมิตรกับคนอื่นบ่อยๆ ใจเราสบายมาก เราจะไม่มีศัตรูเลย รับรองได้จริงๆ ว่า เราไม่มีศัตรู เพราะใจเราไม่เป็นศัตรูกับใคร คนอื่นไม่ชอบเรา เขาเดือดร้อน เขาวุ่นวาย เขาไม่ชอบเรา แต่เรามีความเป็นมิตร หวังดี ช่วยเขา เราจะไม่เดือดร้อนเลย แต่คนที่ไม่ชอบเรา ที่เป็นศัตรูกับเรานั้นเดือดร้อนตลอด แล้วเราจะเป็นคนไหนดี คนที่เดือดร้อนกับคนที่ช่วยคนอื่น ทั้งๆ ที่เขาโกรธเรา แต่เราก็ไม่โกรธเขา เราก็ช่วยเขาได้ เราเป็นผ้าเช็ดธุลี เช็ดได้หมดทุกอย่าง รับได้หมดทุกอย่าง ไม่เดือดร้อนเลย หรือเราจะเป็นคนเก่า ใครพูดอะไรก็ไม่ได้ เดือดร้อน ต้องพูดอย่างนี้ ต้องทำอย่างนั้นให้ตรงกับใจเรา และเมื่อไม่ตรงกับใจเรา เราก็ไม่มีความสุข และเราจะเป็นอย่างเก่า หรือเราจะมีสติที่จะรู้ว่า ไม่มีประโยชน์เลยในการที่จะเป็นศัตรูกะใคร

    เคยมีใครที่รู้สึกว่า น่ารัก บ้างไหมคะ เห็นใครเป็นคนที่น่ารักมากๆ มีไหมคะ พอจะมีตัวอย่างของใครซึ่งน่ารักมากๆ เลยไหมคะ เราก็เป็นอย่างนั้นได้นี่คะ เราดูว่า ทำไมเขาน่ารักอย่างนั้น เขาเป็นคนที่คิดถึงคนอื่น ไม่คิดถึงตัวเอง ช่วยเหลือคนอื่น และอภัยให้คนอื่น คือ มีชีวิตที่มีความสุข และไม่เดือดร้อน ใครเขาจะเป็นอย่างไร เราก็บังคับเขาไม่ได้ ถ้าคนหนึ่งกิริยาก็ไม่ดี วาจาก็ไม่ดี แล้วทำไมเราจะมาเดือดร้อน นั่นก็เป็นเรื่องของเขา แต่เรื่องของเราก็คือว่า เราไม่เดือดร้อน ไม่ว่าใครจะเป็นอย่างไร แล้วเราก็สามารถจะเป็นอย่างนั้นได้จริงๆ ถ้าสติเกิด

    เพราะฉะนั้นเราจะเห็นคุณของสติ ธรรมฝ่ายดี ว่าเพราะสติ และปัญญาเท่านั้นที่จะทำให้จิตสงบจากอกุศล ไม่ใช่ไปอยู่ป่า เพราะว่าไปอยู่ป่านั้นไม่มีใครมาอยู่รอบเรา พอเรากลับมาจากป่า เราก็เดือดร้อนอีก แล้ว

    บางคนเขาท่องเมตตาเก่งมาก แต่ท่องอยู่ในห้อง ไม่มีใครเลย พอออกมานอกห้อง เมตตาที่ท่องมาครึ่งวันหายไปหมด แล้ว ความโกรธก็เกิดขึ้น แล้ว เพราะว่าเป็นเรื่องของการท่อง แต่ไม่รู้ลักษณะจิตว่า เมตตาคือความเป็นเพื่อน ความหวังดี และการเป็นเพื่อนกับคนอื่น ดีกว่าการเป็นศัตรู เพราะใจเราไม่ต้องไปคิดเรื่องที่จะทำให้คนอื่นเดือดร้อน


    หมายเลข 7975
    9 ม.ค. 2567