จิตมี ๔ ชาติ เหตุใดจึงไม่เป็นเหตุ ๑๒
ส. ยังมีข้อสงสัยไหมคะในเรื่องนี้
ผู้ฟัง
ส. ไม่ได้แยกธรรมออกเป็น ๔ ชาติเท่านั้น แต่ยังแยกออกเป็นธรรมหมวด ๓ ถ้ากล่าวโดยชาติ มีกุศล มีอกุศล มีวิบาก มีกิริยา โดยชาติ ๔ แต่ถ้ากล่าวโดยธรรมหมวด ๓ แล้ว รวมวิบากกับกิริยาเป็นอัพยากตะ
เพราะฉะนั้นเมื่อกล่าวโดยธรรมหมวด ๓ เป็นเหตุ ๙ คือ เป็นอกุศลเหตุ ๓ กุศลเหตุ ๓ อัพยากตเหตุ ๓
ธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงโดยนัยใดๆ ผู้ที่ศึกษาจะต้องเข้าใจตามนัยที่ทรงแสดงนั้น เมื่อทรงแสดงโดยประเภทของหมวด ๓ ใช้คำว่า กุศลธรรม อกุศลธรรม และอัพยากตธรรม ก็จะต้องรู้ความหมายว่า
“กุศลธรรม” ต้องเป็นสภาพที่เป็นเหตุให้เกิดวิบาก “อกุศลธรรม” ต้องเป็นสภาพที่เป็นเหตุให้เกิดวิบาก แต่ “อัพยากตธรรม” ต้องเป็นสภาพธรรมซึ่งไม่ใช่กุศล ไม่ใช่อกุศล เพราะฉะนั้นอัพยากตธรรม หมายความถึง วิบากจิตและเจตสิก ๑ กิริยาจิตและเจตสิก ๑ รูป ๑ นิพพาน ๑
นี่คือความหมายที่จะต้องเข้าใจ โดยการที่ทรงแสดงโดยนัยต่างๆ เพราะเหตุว่าอัพยากตธรรม ไม่ได้หมายเฉพาะจิตและเจตสิกที่เป็นวิบากและกิริยา แต่หมายความถึง รูปปรมัตถ์ และนิพพานปรมัตถ์ คือ ธรรมใดๆก็ตามที่ไม่ใช่กุศลหรืออกุศลแล้ว เป็นอัพยากตะ เมื่อทรงแสดงโดยหมวด ๓ แต่ถ้าทรงแสดงโดยชาติ ๔ หมายเฉพาะจิตและเจตสิก