ง่วง ท้อถอย ท้อแท้ อ่อนเพลีย มีสติระลึกได้ไหม


    ท่านผู้ฟังเคยง่วง เคยเพลีย เคยเบื่อไหมคะ บางทีก็มีจิตคิดอยากจะทำกุศลอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เสร็จแล้วก็อ่อนเพลียไป หรือว่าเกิดความง่วงขึ้น สติจะระลึกรู้ลักษณะของสภาพของจิตในขณะนั้นไหม ถ้าไม่ระลึก ก็เป็นเรา อย่าลืมค่ะ ไม่มีทางที่จะดับอนุสัยกิเลสที่ยึดถือสภาพธรรมซึ่งเป็นรูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์ ว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคลได้

    เพราะเหตุว่าความง่วงมีจริง ความท้อถอย ความท้อแท้ ความเหนื่อยหน่าย ความรู้สึกอ่อนเพลียมีจริง ถ้าสติไม่ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมเหล่านั้นตามความเป็นจริง เมื่อไรจะถ่ายถอนความยึดถือสภาพธรรมนั้น และรู้ว่า ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน  ไม่ใช่เรา เป็นแต่เพียงลักษณะของจิต ซึ่งเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไป ซึ่งแสดงโดยประการต่างๆ เช่น โดยประเภทที่เป็นอสังขารและสสังขาร ที่เป็นโลภะ เป็นอสังขารก็มี เป็นสสังขารก็มี ที่เป็นโทสะ เป็นอสังขารก็มี เป็นสสังขารก็มี ที่เป็นกุศลเป็นอสังขารก็มี เป็นสสังขารก็มี ซึ่งก็เป็นชีวิตประจำวัน จะรู้ได้มากขึ้น เวลาที่สติไม่หลงลืมที่จะระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมในขณะนั้น ถ้าเป็นความรู้สึก เป็นลักษณะของจิตแล้ว ไม่ใช่รูป

    ความท้อแท้ ความท้อถอย ไม่ใช่รูป เป็นลักษณะของจิต ในขณะนั้นเป็นสสังขาริก   หรืออสังขาริก ก็พอที่จะทราบได้ใช่ไหมคะว่า ในขณะนั้นเป็นสสังขาร เพราะเหตุว่าเป็นจิตที่ไม่มีกำลังแรงกล้า

    เพราะฉะนั้นอย่าคิดถึงเหตุการณ์ภายนอก หรือว่าสิ่งแวดล้อมภายนอก เพื่อที่จะวินิจฉัยว่า จิตนั้นเป็นสสังขารหรืออสังขาร แต่ควรจะเป็นเพราะสติระลึกรู้ลักษณะสภาพของจิต และรู้ว่าจิตนั้นมีกำลัง หรือว่าไม่มีกำลัง ถ้าขณะนั้นเป็นจิตที่ไม่มีกำลัง ไม่ต้องคิดถึงเลยว่า เพราะอะไร เพราะมีคนมาชักชวน หรือเพราะเขาชักชวนหรือเปล่า จิตนั้นจึงเป็นสภาพที่อ่อนกำลัง แต่ว่าในขณะใดก็ตามซึ่งจิตเป็นสภาพที่อ่อนกำลัง ในขณะนั้นเป็นสสังขาร จะโดยจิตของตนเองลังเล แล้วก็ชักจูง หรือว่าบุคคลอื่นก็ได้


    หมายเลข 7366
    21 ส.ค. 2558