ปฏิฆสัมปยุตต์ กับ พระโสดาบัน


    ถาม   ความรุนแรงของโทสะก็มี แต่บางครั้งก็ไม่แช่มชื่นเพียงเล็กน้อย หรือความไม่พอใจเพียงเล็กน้อยที่ปรากฏขึ้น อันนี้ก็เป็นลักษณะของปฏิฆะ และสำหรับโทสะที่สัมปยุตต์ด้วยปฏิฆะ พระโสดาบันก็ยังมีใช่ไหมคะ

    ส.   พระโสดาบันบุคคลละโลภมูลจิตทิฏฐิคตสัมปยุตต์ ๔ ดวง และโมหมูลจิตวิจิกิจฉาสัมปยุตต์ ๑ ดวง ในอกุศลจิต ๑๒ ดวง พระโสดาบันดับอกุศลจิต ๕ ดวง ไม่เกิดอีกเลย เหลือเพียง ๗ ดวงเท่านั้น คือ โลภมูลจิตทิฏฐิคตวิปปยุตต์ ๔ ดวง โทสมูลจิต ๒ ดวง และโมหมูลจิตซึ่งเป็นอุทธัจจสัมปยุตต์ ๑ ดวง และสำหรับวิจิกิจฉาสัมปยุตต์เกิดกับโมหมูลจิต

    สำหรับอกุศลจิตมีทั้งหมด ๑๒ ประเภท คือ เป็นโลภมูลจิต ๘ เป็นโทสมูลจิต ๒ เป็นโมหมูลจิต ๒

    เมื่อชื่อว่า โลภมูลจิต ๘ ก็ต้องมีสภาพธรรมซึ่งแสดงความต่างของโลภะว่า ทำไมจึงต่างกันเป็น ๘ ซึ่งก็ได้ทราบว่า เพราะประกอบด้วยมิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิด ๔ และไม่ประกอบด้วยมิจฉาทิฏฐิ ๔ และใน ๔ แต่ละ ๔ นั้น ก็ยังแยกอีกว่า ที่ต่างกันเป็น ๔ เพราะเป็นโสมนัสเวทนา ๒ เป็นอุเบกขาเวทนา ๒ จึงต่างกัน และในโสมนัสเวทนา ๒ นี้ ก็ต้องรู้ด้วยว่า ทำไมจึงเป็น ๒ ที่ต่างกันเป็น ๒ เพราะโดยสังขาร คือ เป็นอสังขาริก เกิดขึ้นโดยไม่อาศัยการชักชวน ๑ เป็นสสังขาริก คือ เกิดขึ้นเองเพราะอาศัยการชักชวน ๑

    นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่า สภาพธรรมที่มีประเภทอย่างนั้นๆ มีจำนวนอย่างนั้น ต่างกันอย่างนั้น เพราะอะไร

    และสำหรับปฏิฆสัมปยุตต์ มี ๒ ปฏิฆสัมปยุตต์เกิดกับโทสมูลจิต ๒ ดวง ในอกุศลจิต ๑๒ ดวง เป็นโลภมูลจิต ๘ โทสมูลจิต ๒ โมหมูลจิต ๒

    สำหรับโทสมูลจิต ๒ ดวง ต้องประกอบด้วยปฏิฆะ เป็นปฏิฆสัมปยุตต์ทั้ง ๒ ดวง

    เวลาที่โทมนัสเวทนาเกิดขึ้น แล้วจะไม่ประกอบด้วยโทสเจตสิก ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่หยาบกระด้าง เป็นปฏิฆสัมปยุตต์นั้นไม่ได้ ทุกครั้งที่โทมนสเวทนาเกิด ต้องเป็นปฏิฆสัมปยุตต์

    แต่ที่ต่างกันเป็น ๒ เพราะเป็นอสังขาริก คือ เกิดขึ้นเอง โดยไม่ต้องอาศัยการชักชวน ๑ และเป็นสสังขาริก คือ ต้องอาศัยการชักชวน ๑ นี่คือ ปฏิฆสัมปยุตต์

    เพราะฉะนั้นสำหรับสัมปยุตต์ก็ต้องขอให้ชินกับคำว่า “สัมปยุต” ว่า ได้แก่ สัมปยุตต์ ซึ่งมีอยู่ ๕ คือ ทิฏฐิคตสัมปยุตต์ ๑ ปฏิฆสัมปยุตต์ ๑ วิจิกิจฉาสัมปยุตต์ ๑ อุทธัจจสัมปยุตต์ ๑ และญาณสัมปยุตต์ ๑ และไม่มุ่งหมายให้ท่านผู้ฟังท่องจำ แต่ว่ามุ่งหมายให้เข้าใจประกอบพร้อมกันไปว่า สัมปยุตต์หรือวิปปยุตต์นั้น เกิดกับจิตดวงใด

    เช่นเวลาได้ยินคำว่า ทิฏฐิคตสัมปยุตต์ ทราบทันทีว่า ทิฏฐิที่นี่หมายถึง มิจฉาทิฏฐิ เป็นความเห็นผิด ซึ่งต้องเกิดกับโลภมูลจิต และถึงแม้ว่า โลภมูลจิต มี ๘ ดวง หรือ ๘ ประเภท แต่ที่จะเกิดกับมิจฉาทิฏฐิได้ มีเพียง ๔ คือ ที่เกิดพร้อมกับโสมนัสเวทนา ๒ อุเบกขาเวทนา ๒ ในโสมนัสเวทนา ๒ นั้น เป็นอสังขาริก ๑ เป็นสสังขาริก ๑ ในอุเบกขาเวทนา ๒ ก็เช่นเดียวกัน คือ เป็นอสังขาริก ๑ เป็นสสังขาริก ๑ นี่จบเรื่องโลภมูลจิต ๘

    และสำหรับโทสมูลจิต ก็เป็นปฏิฆสัมปยุตต์ทั้ง ๒ ดวง ต่างกันโดยเป็น อสังขาริก ๑ ดวง สสังขาริก ๑ ดวง

     


    หมายเลข 7346
    20 ส.ค. 2558