ถ้าท่านเริ่มเจริญสติปัฏฐาน
ถ้าท่านเริ่มเจริญสติปัฏฐาน การที่จะระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมนั้นยังไม่ชัด ยังรวมกัน อย่างทางตากำลังเห็น ทางหูก็กำลังได้ยิน รู้สึกว่าการที่จะระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมหรือรูปธรรมทางหนึ่งทางใดยังไม่ชัด เพราะว่าเกิดสืบต่อกันอย่างรวดเร็ว และปะปนกันด้วย พอสติระลึกรู้ลักษณะของเสียงนิดหนึ่ง หมดไปแล้ว ระลึกรู้ลักษณะของสภาพที่ปรากฏทางตานิดหนึ่ง เสียงก็ปรากฏอีกแล้ว ปัญญายังไม่รู้ชัดในสภาพของนามธรรมและรูปธรรม และชีวิตประจำวันของทุกท่านก็คงจะต้องดูกระจก หวีผม แต่งตัว ในขณะที่กำลังดูกระจก อ่อน แข็ง เย็น ร้อนปรากฏที่ใด ไม่ต้องผูกโยงเยื่อใยว่าเป็นส่วนของหน้าเป็นส่วนของผม ให้รู้เฉพาะสภาพลักษณะที่อ่อนหรือที่แข็งที่ปรากฏ เฉพาะตรงนั้นจริงๆ นี่เป็นทางที่จะทำให้ปัญญารู้ชัดในลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏทางตา หรือทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ
ที่ว่ารู้ชัด หมายความว่า เมื่อระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมใด ขณะนั้นไม่มีลักษณะของนามธรรมหรือรูปธรรมอื่น ขณะที่กำลังระลึกรู้ลักษณะของรูปธรรมใดตรงที่นั้น ไม่ผูกโยงเยื่อใยที่จะให้มีลักษณะของนามอื่นรูปอื่นปนอยู่ รวมอยู่ในขณะนั้น ปัญญาจึงสามารถรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
เป็นการเจริญสติปัฏฐานที่จะต้องค่อยๆ สะสมอบรม จนกว่าจะมีความชำนาญ และปัญญาสามารถแยก รู้ชัดในลักษณะของนามธรรม ในลักษณะของรูปธรรมแต่ละทางถูกต้อง ไม่รวมกัน ไม่สับสนกัน เป็นเรื่องที่จะต้องอบรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน
